ตลาด Forex คือตลาดทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสิ่งที่ซื้อ-ขายกันในตลาดนี้คือเงินตราสกุลต่างๆ ครับ โดยตลาด Forex มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 1.9 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ มากกว่าทุกตลาดทางการเงินในโลกนี้รวมกัน!
ตลาด Forex มี ตลาดใหญ่ๆ อยู่ที่ ญี่ปุ่น ลอนดอน นิวยอร์ค และยังมีตลาดที่ออสเตรเลีย กับยุโรป อีกด้วย ซึ่งการที่มีตลาดเปิด และปิดในหลายพื้นที่ของโลกเหลื่อมล้ำกัน จึงทำให้เสมือนหนึ่งตลาดนี้ ไม่มีวันหลับไหล โดยสามารถเริ่มเข้าตลาดได้ตั้งแต่ตี 4 เช้าวันจันทร์ จนถึงตี 4 เช้าวันเสาร์ (ตามเวลาในประเทศไทย) ตลอด 24 ชั่วโมง!!! สรุปความน่าสนใจของตลาด Forex - เงินลงทุนต่ำ ต่ำสุดเพียง $1 - ตลาด online ผ่าน Internet 24 ชั่วโมง ดำเนินการทุกอย่างผ่าน Internet - ไม่มีคนกลาง คำสั่งซื้อ-ขาย เป็นระบบอัตโนมัติ ไท่พลาดทุกคำสั่งซื้อ-ขาย - สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง - ค่าดำเนินการต่ำ โบรกเกอร์เก็บค่า spreed ตั้งแต่ 1 - 20 pips ต่อเทรด ขึ้นอยู่กับคู่ของค่าเงินที่เทรด - มี demo account สามารถทดลองเทรดได้เสมือนจริง บนระบบจริง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย. หลายท่านอาจสงสัยว่าการเล่น Forex นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดทำไมบ้านเราถึงยังไม่มี Broker ที่ไหนให้บริการ ในความเป็นจริงแล้วการลงทุนใน Forex นั้นรัฐบาลไทยอนุญาติให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า Forex เป็น แหล่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ประชาชนที่ไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจเสียเงินทองจำนวนมากได้ และในอดีตมีข่าวทางด้านลบเกี่ยวกับบริษัทบางแห่ง เปิดให้บริการลูกค้าลงทุนใน Forex ใน วงเงินที่สูง แต่กลับนำเงินไปรับความเสี่ยงเอง หรือทำตัวเป็นเจ้ามือเสียเอง ไม่ได้กินค่านายหน้าอย่างเดียว จนเมื่อลูกค้าทำกำไรได้มากๆ ก็ไม่สามารถจ่ายได้จนปิดบริษัทหนีไป ทำให้ Forex กลาย เป็นสิ่งที่ไม่น่าลงทุน ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ให้ห่างไกลจากประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนตาดำๆ อย่างเราถูกตัดโอกาสในการลงทุน ที่มหาเศรษฐีระดับโลกใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนชั้นเยี่ยมของเขา ปัจจุบันการลงทุน Forex ของประชาชนทั่วไปยังถือว่าผิดกฎหมาย ทั้ง Broker ที่เปิดให้ลงทุนในประเทศไทย และผู้ลงทุนที่โอนเงินไปลงทุนกับ Broker ใน ต่างประเทศ โดยรัฐบาลกลัวว่าจะเป็นช่องทางที่จะนำเงินนอกระบบไปฟอกเงินนั่นเอง สำหรับท่านที่ลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มทักษะทางการลงทุนคงไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องนี้มาก หากแต่ท่านที่ลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก คงต้องคิดถึงความเสี่ยงด้านนี้ด้วย เนื่องจากการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากทางธนาคาร อาจทำให้ ปปง. เพ่งเล็งท่านได้ ตอนนี้ทำอะไรก็ตามแต่ ต้องโปร่งใส และพิสูจน์ไม่ได้ครับ แล้วท่านจะห่างไกลจากการตรวจสอบของรัฐบาลไทย ที่ยังเกรงว่าประชาชนของพวกเขาจะโดนหลอก จึงปิดกั้น แทนที่จะให้ความรู้ (เพราะมันง่ายดี)
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.forexbuddytrader.com
|
Showing posts with label ถอนเงิน. Show all posts
Showing posts with label ถอนเงิน. Show all posts
forex thai
Posted by
goodintequila
on Tuesday, October 7, 2014
Labels:
EA,
กราฟแท่งเทียน,
ถอนเงิน,
แนวรับ แนวต้าน,
โบนัส,
ฝาก,
สมัครเปิดบัญชี
/
ทฤษฎีดาวถูกคิดค้นขึ้นโดยนายชาร์ลส์ เอช ดาว (Charles H. Dow) หรือบิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค
Posted by
goodintequila
Labels:
EA,
กราฟแท่งเทียน,
ถอนเงิน,
แนวรับ แนวต้าน,
โบนัส,
ฝาก,
สมัครเปิดบัญชี
/
ทฤษฎีดาวถูกคิดค้นขึ้นโดยนายชาร์ลส์ เอช ดาว (Charles H. Dow)
ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค เมื่อเกือบ
100 ปีที่แล้ว แต่กฏ และหลักการของดาว ยังคงใช้ได้ตราบจนถึงปัจจุบัน
หลักการนี้มิได้พูดถึงเพียงการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ
การเคลื่อนที่ของราคาหุ้น แต่สิ่งนี้ถือเป็นปรัญญาของตลาดหุ้น
ที่อธิบายถึงพฤติกรรมของตลาดหุ้นที่ยังคงเหมือนเดิม
เกิดขึ้นซ้ำๆเฉกเช่นเดียวกัน กับตลาดหุ้นเมื่อ 100ปีที่แล้ว
ดาว ได้พัฒนา การวิเคราะห์ตลาดหุ้น จนเกิดเป็นทฤษฏีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตในปี 1902 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของ และเป็นบรรณาธิการของ หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal แม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนหนังสือของตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ได้เป็นบรรณาธิการให้กับหนังสือ หลายเล่มในการ ให้ความเห็นด้านการเก็งกำไร และ กฎ industrial average
หลังจากที่ดาว เสียชีวิตแล้ว ก็มี หนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับทฎษฎีของเขามากมายเช่น The ABC of Stock Speculation, The Stock Market Barometer เป็นต้น
ทฤษฎีดาว (Dow Theory)
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 1 – สะสม
ฮา มิลตัน (Hamilton) กล่าวไว้ว่าในช่วงแรกของตลาดขาขึ้นมักจะไม่แตกต่างจากตลาดในช่วงขาลง เพราะคนส่วนยังมองในแง่ลบและทำให้แรงซื้อยังคงชนะแรงขายในช่วงแรกของขา ขึ้น ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ไม่มีใครถือหุ้น ประกอบกับไม่มีข่าวดี ทำให้ราคาประเมินของหลักทรัพย์ถึงจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาเช่นนี้เป็นช่วงที่ผู้ที่ลงทุนอย่างฉลาดจะเริ่มสะสมหุ้น และเป็น ช่วงที่ผู้ที่มีความอดทนและใจเย็นพอที่จะเห็นประโยชน์ของการเก็บหุ้นไว้จน กระทั่งราคาดีดกลับ บางครั้งหุ้นมีราคาถูก แต่กลับไม่มีใครต้องการ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ วอเรน บัฟเฟท ได้กล่าวไว้ในช่วงฤดูร้อนของปี 1974 ว่าตอนนี้ได้เวลาที่จะซื้อหุ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ในระยะแรกของตลาดขาขึ้น ราคาหุ้นจะเริ่มเข้าใกล้จุดต่ำสุด แล้วค่อยๆยกตัวขึ้น เมื่อตลาดเริ่มกลับตัวขึ้น คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดกำลังจะปรับตัวขึ้น และเป็นการเริ่มต้นของขาขึ้น หลังจากตลาดยกตัวสูงขึ้นและดิ่งกลับลงมา จะ มีแรงขายออกมา เป็นการบอกว่าขาลงยังไม่สิ้นสุด ในช่วงนี้เองที่จะต้องวิเคราะห์อย่างระมัด ระวังว่าการปรับตัวลงมีนัยยะสำคัญหรือไม่ หากไม่มีนัยยะสำคัญ จุดต่ำสุดของการลงจะยกสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดเดิม สิ่งที่ตามมาคือตลาดจะเริ่ม สะสมตัวและมีการแกว่งตัวน้อย หลังจากนั้นจึงเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาเคลื่อนขึ้นเหนือจุดสูงสุด เดิม จะเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ขั้น ที่ 2 มักจะเป็นช่วงที่มีระยะเวลานานที่สุด และมีการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด ระยะเวลานี้จะเป็นช่วงที่กิจการต่างๆ เริ่มฟื้นตัว มูลค่าหลักทรัพย์จะเพิ่มขึ้น รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ช่วงนี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่สามารถทำกำไร ได้ง่ายที่สุด เพราะมีผู้เข้ามาลงทุนตามแนวโน้มของตลาดมากขึ้น
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 3 – เกินมูลค่า
ระยะ ที่ 3 ของตลาดขาขึ้น เป็นระยะที่มีการเก็งกำไรมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะตลาดเฟ้อ (ดาวได้คิดทฤษฎีนี้ขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน แต่เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยในปัจจุบัน) ในขั้นสุดท้ายนี้ ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในตลาด ค่าที่ประเมิน สูงเกินไป และความมั่นใจมีมากเกินปกติ จึงเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นส่วน กลับของขั้นที่ 1
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 1 – กระจาย
เมื่อ การสะสมเป็นขั้นที่ 1 ของขาขึ้น การกระจายก็คือขั้นแรกของขาลง นักลงทุนที่ฉลาด จะไหวตัวทันว่าธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันไม่ได้ดีอย่างที่เคยคิด และเริ่มขายหุ้นออก แต่คนอื่นๆยังคงอยู่ในตลาดและยังพอในที่จะซื้อในราคาที่สูง จึงเป็นการยาก ที่จะบอกว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลง อย่างไรก็ตาม จุดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัว เมื่อตลาดปรับตัวลง คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดเข้าสู่ขาลง และยังมองตลาดในแง่ดี ดังนั้นเมื่อตลาดปรับตัวลงพอประมาณ จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาเล็กน้อย ฮามิลตันกล่าวว่าการกลับตัวขึ้นในช่วงขาลง นี้จะค่อนข้างรวดเร็วและรุนแรง ดังเช่นที่ฮามิลตันได้วิเคราะห์ไว้เกี่ยว กับการกลับตัวที่ไม่มีนัยยะสำคัญนี้ ว่าส่วนที่ขาดทุนไปจะได้กลับคืนมาในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ การ เคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นการตอกย้ำว่าขาขึ้นของตลาดยังไม่สิ้น สุด อย่างไรก็ตาม จะสูงสุดใหม่จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม และหลังจากนั้น หากราคาทะลุผ่านจุดต่ำสุดเดิม นั่นจะเป็นการยืนยันถึงขั้นที่ 2 ของตลาดขาลง
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
เช่น เดียวกับตลาดในขาขึ้น ขั้นที่ 2 เป็นขั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคามากที่สุด ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่แนว โน้มเด่นชัดและกิจการต่างๆเริ่มถดถอย ประมาณการณ์รายได้และกำไรลดลง หรืออาจถึงขาดทุน เมื่อผลประกอบการแย่ลง แรงขายจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 3 – สิ้นหวัง
ณ จุดสูงสุดของตลาดขาขึ้น ความคาดหวังมีมากจนถึงขั้นมากเกินไป ในตลาดขาลงขั้นสุดท้าย ความคาดหวังทั้งหมดหายไป มูลค่าที่ประเมิน ต่ำมาก แต่ยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกคนในตลาดพยายามที่จะถอนตัวออก มีข่าวร้ายเกี่ยวกับธุรกิจ มุมมอง เศรษฐกิจตกต่ำ จึงไม่มีผู้ใดต้องการซื้อ ตลาดจะยังคงลดต่ำลงจนกระทั่งข่าวร้ายทั้งหมดได้ ถูกซึมซับแล้ว เมื่อราคาสะท้อนถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆแล้ว วัฐ จักรก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง
บทสรุปของทฤษฎีดาว
จุดประสงค์ ของดาวและฮามิลตัน คือ การหาจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม และ สามารถจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ พวกเขารู้ดีว่าตลาดถูกขับเคลื่อนโดย อารมณ์ของตลาดและการเกิดปฏิกิริยาเกิน (Overreaction) จริงทั้งในด้านบวกและลบ พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่การมองหาแนวโน้มและ เคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม แนวโน้มจะยังคงอยู่จนกระทั่งสามารถพิสูจน์ได้แน่ ชัดถึงแนวโน้มใหม่ ทฤษฎีดาวช่วยให้นักลงทุนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ตั้งข้อสมมติฐานและคาดการณ์ล่วงหน้า การตั้งข้อสมมติฐานเป็นสิ่งที่ อันตรายสำหรับนักลงทุน เพราะการคาดเดาตลาดเป็นเรื่องยาก ฮามิลตันเองยอม รับว่าทฤษฎีดาวนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ในขณะที่ทฤษฎีดาวสามารถให้เป็นพื้นฐาน ในการวิเคราะห์ ทฤษฎีนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาแนวทางการ วิเคราะห์ของนักลงทุน การอ่านเกมตลาดเป็นศาสตร์ที่ได้จากประสบการณ์ตรงจากตลาด ดังนั้นกฎของฮามิ ลตันและดาวจึงมีข้อยกเว้น พวกเขามีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากการศึกษา ที่จริงจังและการวิเคราะห์ที่มีทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด ความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าหลงระเริง ขณะเดียวกัน ความผิดพลาด ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่จะให้บทเรียนที่มีค่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่ง สามารถพัฒนาได้โดยการฝึกฝน เรียนรู้ทั้งจากความสำเร็จและล้มเหลวด้วยการมองไปข้างหน้า
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/(charles-h-dow)/?/

ดาว ได้พัฒนา การวิเคราะห์ตลาดหุ้น จนเกิดเป็นทฤษฏีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตในปี 1902 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของ และเป็นบรรณาธิการของ หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal แม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนหนังสือของตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ได้เป็นบรรณาธิการให้กับหนังสือ หลายเล่มในการ ให้ความเห็นด้านการเก็งกำไร และ กฎ industrial average
หลังจากที่ดาว เสียชีวิตแล้ว ก็มี หนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับทฎษฎีของเขามากมายเช่น The ABC of Stock Speculation, The Stock Market Barometer เป็นต้น
ทฤษฎีดาว (Dow Theory)
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 1 – สะสม
ฮา มิลตัน (Hamilton) กล่าวไว้ว่าในช่วงแรกของตลาดขาขึ้นมักจะไม่แตกต่างจากตลาดในช่วงขาลง เพราะคนส่วนยังมองในแง่ลบและทำให้แรงซื้อยังคงชนะแรงขายในช่วงแรกของขา ขึ้น ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ไม่มีใครถือหุ้น ประกอบกับไม่มีข่าวดี ทำให้ราคาประเมินของหลักทรัพย์ถึงจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาเช่นนี้เป็นช่วงที่ผู้ที่ลงทุนอย่างฉลาดจะเริ่มสะสมหุ้น และเป็น ช่วงที่ผู้ที่มีความอดทนและใจเย็นพอที่จะเห็นประโยชน์ของการเก็บหุ้นไว้จน กระทั่งราคาดีดกลับ บางครั้งหุ้นมีราคาถูก แต่กลับไม่มีใครต้องการ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ วอเรน บัฟเฟท ได้กล่าวไว้ในช่วงฤดูร้อนของปี 1974 ว่าตอนนี้ได้เวลาที่จะซื้อหุ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ในระยะแรกของตลาดขาขึ้น ราคาหุ้นจะเริ่มเข้าใกล้จุดต่ำสุด แล้วค่อยๆยกตัวขึ้น เมื่อตลาดเริ่มกลับตัวขึ้น คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดกำลังจะปรับตัวขึ้น และเป็นการเริ่มต้นของขาขึ้น หลังจากตลาดยกตัวสูงขึ้นและดิ่งกลับลงมา จะ มีแรงขายออกมา เป็นการบอกว่าขาลงยังไม่สิ้นสุด ในช่วงนี้เองที่จะต้องวิเคราะห์อย่างระมัด ระวังว่าการปรับตัวลงมีนัยยะสำคัญหรือไม่ หากไม่มีนัยยะสำคัญ จุดต่ำสุดของการลงจะยกสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดเดิม สิ่งที่ตามมาคือตลาดจะเริ่ม สะสมตัวและมีการแกว่งตัวน้อย หลังจากนั้นจึงเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาเคลื่อนขึ้นเหนือจุดสูงสุด เดิม จะเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ขั้น ที่ 2 มักจะเป็นช่วงที่มีระยะเวลานานที่สุด และมีการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด ระยะเวลานี้จะเป็นช่วงที่กิจการต่างๆ เริ่มฟื้นตัว มูลค่าหลักทรัพย์จะเพิ่มขึ้น รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ช่วงนี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่สามารถทำกำไร ได้ง่ายที่สุด เพราะมีผู้เข้ามาลงทุนตามแนวโน้มของตลาดมากขึ้น
ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 3 – เกินมูลค่า
ระยะ ที่ 3 ของตลาดขาขึ้น เป็นระยะที่มีการเก็งกำไรมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะตลาดเฟ้อ (ดาวได้คิดทฤษฎีนี้ขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน แต่เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยในปัจจุบัน) ในขั้นสุดท้ายนี้ ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในตลาด ค่าที่ประเมิน สูงเกินไป และความมั่นใจมีมากเกินปกติ จึงเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นส่วน กลับของขั้นที่ 1
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 1 – กระจาย
เมื่อ การสะสมเป็นขั้นที่ 1 ของขาขึ้น การกระจายก็คือขั้นแรกของขาลง นักลงทุนที่ฉลาด จะไหวตัวทันว่าธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันไม่ได้ดีอย่างที่เคยคิด และเริ่มขายหุ้นออก แต่คนอื่นๆยังคงอยู่ในตลาดและยังพอในที่จะซื้อในราคาที่สูง จึงเป็นการยาก ที่จะบอกว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลง อย่างไรก็ตาม จุดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัว เมื่อตลาดปรับตัวลง คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดเข้าสู่ขาลง และยังมองตลาดในแง่ดี ดังนั้นเมื่อตลาดปรับตัวลงพอประมาณ จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาเล็กน้อย ฮามิลตันกล่าวว่าการกลับตัวขึ้นในช่วงขาลง นี้จะค่อนข้างรวดเร็วและรุนแรง ดังเช่นที่ฮามิลตันได้วิเคราะห์ไว้เกี่ยว กับการกลับตัวที่ไม่มีนัยยะสำคัญนี้ ว่าส่วนที่ขาดทุนไปจะได้กลับคืนมาในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ การ เคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นการตอกย้ำว่าขาขึ้นของตลาดยังไม่สิ้น สุด อย่างไรก็ตาม จะสูงสุดใหม่จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม และหลังจากนั้น หากราคาทะลุผ่านจุดต่ำสุดเดิม นั่นจะเป็นการยืนยันถึงขั้นที่ 2 ของตลาดขาลง
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
เช่น เดียวกับตลาดในขาขึ้น ขั้นที่ 2 เป็นขั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคามากที่สุด ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่แนว โน้มเด่นชัดและกิจการต่างๆเริ่มถดถอย ประมาณการณ์รายได้และกำไรลดลง หรืออาจถึงขาดทุน เมื่อผลประกอบการแย่ลง แรงขายจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดขาลง – ขั้นที่ 3 – สิ้นหวัง
ณ จุดสูงสุดของตลาดขาขึ้น ความคาดหวังมีมากจนถึงขั้นมากเกินไป ในตลาดขาลงขั้นสุดท้าย ความคาดหวังทั้งหมดหายไป มูลค่าที่ประเมิน ต่ำมาก แต่ยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกคนในตลาดพยายามที่จะถอนตัวออก มีข่าวร้ายเกี่ยวกับธุรกิจ มุมมอง เศรษฐกิจตกต่ำ จึงไม่มีผู้ใดต้องการซื้อ ตลาดจะยังคงลดต่ำลงจนกระทั่งข่าวร้ายทั้งหมดได้ ถูกซึมซับแล้ว เมื่อราคาสะท้อนถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆแล้ว วัฐ จักรก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง
บทสรุปของทฤษฎีดาว
จุดประสงค์ ของดาวและฮามิลตัน คือ การหาจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม และ สามารถจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ พวกเขารู้ดีว่าตลาดถูกขับเคลื่อนโดย อารมณ์ของตลาดและการเกิดปฏิกิริยาเกิน (Overreaction) จริงทั้งในด้านบวกและลบ พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่การมองหาแนวโน้มและ เคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม แนวโน้มจะยังคงอยู่จนกระทั่งสามารถพิสูจน์ได้แน่ ชัดถึงแนวโน้มใหม่ ทฤษฎีดาวช่วยให้นักลงทุนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ตั้งข้อสมมติฐานและคาดการณ์ล่วงหน้า การตั้งข้อสมมติฐานเป็นสิ่งที่ อันตรายสำหรับนักลงทุน เพราะการคาดเดาตลาดเป็นเรื่องยาก ฮามิลตันเองยอม รับว่าทฤษฎีดาวนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ในขณะที่ทฤษฎีดาวสามารถให้เป็นพื้นฐาน ในการวิเคราะห์ ทฤษฎีนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาแนวทางการ วิเคราะห์ของนักลงทุน การอ่านเกมตลาดเป็นศาสตร์ที่ได้จากประสบการณ์ตรงจากตลาด ดังนั้นกฎของฮามิ ลตันและดาวจึงมีข้อยกเว้น พวกเขามีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากการศึกษา ที่จริงจังและการวิเคราะห์ที่มีทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด ความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าหลงระเริง ขณะเดียวกัน ความผิดพลาด ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่จะให้บทเรียนที่มีค่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่ง สามารถพัฒนาได้โดยการฝึกฝน เรียนรู้ทั้งจากความสำเร็จและล้มเหลวด้วยการมองไปข้างหน้า
ศึกษาข้อมูลได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/(charles-h-dow)/?/
ปัจจัยที่สำคัญในความสำเร็จเทรดดิ้ง (การศึกษา Forex)
Posted by
goodintequila
on Saturday, July 27, 2013
Labels:
EA,
exness,
hotforex,
ข้อดี forex,
ถอนเงิน,
เทรดforexอัตโนมัติ,
ฝาก,
รับเทรด,
สมัครเปิดบัญชี
/
Comments: (0)
"ชี้เป็นจิตวิทยาที่จริงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเรา
ฉันยังคงเชื่อว่าการซื้อขายที่เป็น 85% จิตใจ 10%
การบริหารความเสี่ยงและกลยุทธ์ 5%
การทำกำไร ที่สอดคล้องเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดของผู้ค้ามากที่สุดตลอดกาลจะ เผชิญในโลกมันง่ายที่จะทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมและทวนง่ายที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่เราทำการตัดสินใจสำคัญในชีวิตของเรามีแนวโน้มที่จะไม่สนใจ ปัจจัยสำคัญและมุ่งเน้นในสิ่งที่ไม่ได้เรื่องจริงๆโปรดดูราคาข้างต้น ดร. Van Tharp himsaself สรุปได้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะไม่รับผิดชอบเพียง 10% ในการค้าของคุณประสบความสำเร็จในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าอื่นที่ดีใน เอเชียกล่าวถึง15% แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญไม่ยอมรับว่าการกระจายร้อยละเดียวกันเมื่อมันมาถึง จิตวิทยา, การจัดการเงิน (ตำแหน่งขนาด) และกลยุทธ์, พวกเขาก็กล่าวอ้างความเป็นจริงพื้นฐาน --ปัจจัยที่สำคัญอย่างน้อยในความสำเร็จของการค้าของคุณเป็นระบบการค้าของคุณ (ใด ๆระบบการค้าใด ๆ )
ฉันจะทำซ้ำอีกครั้งที่จุดประสงค์ เพียงเพื่อครอบครองกลยุทธ์การซื้อขายเป็นเพียงการที่จะมีเหตุผลในการซื้อและ ขายแต่สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในตลาดอยู่ห่างสำคัญกว่ากลยุทธ์ผู้ค้า ส่วนใหญ่จะคอยมองสำหรับกลยุทธ์ที่พวกเขาคิดว่าสามารถจะดีนักการตลาดให้กับ ผู้ค้า bombarding กับระบบการค้า; สิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าในการซื้อขายผู้จำหน่ายมากน้อยเน้นจิตวิทยา การซื้อขายซึ่งเป็นด้านที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จของการซื้อขายสงสัยไม่มี ผู้ค้าส่วนใหญ่จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์เดียวกัน
อย่า กลัวที่จะแตกต่างเพราะส่วนใหญ่จะไม่ถูกต้องเสมอเรียนรู้ที่จะไม่ปฏิบัติตาม เช่นฝูงแกะและเฉียบขาดในเป้าหมายและค้าของคุณถ้าคุณทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ แล้วคุณมักจะได้รับสิ่งที่คนอื่น ๆ ได้รับมากกว่าอะไรจิตวิทยาของเราอย่างมากเรื่องมากในการซื้อขาย
ตัวอย่าง เช่นถ้ากลยุทธ์ที่ดีกับกฏเพียงและทุนเดียวกันจะได้รับแตกต่างกันถึง 10 คน (ไม่พูดถึง 50 หรือ 100 คนที่แตกต่างกัน)เพื่อการค้าที่มีจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างหลังจากช่วงระยะเวลา หนึ่งบางคนจะไปแตกบางส่วนจะเสียเงินบางส่วนจะคุ้มและบางส่วนจะสร้างรายได้ใน ความเป็นจริงจะมีเป็นส่วนของผู้ที่ลงท้ายที่แตกต่างหลากหลายที่มีจำนวนผู้ ใช้กลยุทธ์พวกเขาเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์เดียวกันกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่นี้เพื่อเป็นเพราะเหตุใด จิตวิทยาเรื่อง
ดังนั้นคุณจำ เป็นต้องทำงานเกี่ยวกับจิตวิทยาของคุณหนึ่งในวิธีการที่ดีของการทำเช่นนี้ คือการอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาการซื้อขายนอกจากฉันได้พบวิธีการนี้เคน ยาวของด้านล่างนี้มีประโยชน์มากสำหรับการซื้อขายของฉันเขากล่าวว่า"หนึ่งใน ทักษะที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการมืออาชีพที่เป็นความต้องการในการพัฒนา ความสามารถในการจัดการของเขาหรือเธอสภาพจิตใจการบำรุงรักษาทางจิตวิทยาที่มี ประสิทธิภาพสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวของการ ซื้อขาย.. สำหรับผม ... (นี้)หมายถึงภาวะทางอารมณ์ที่เป็นกลางไม่สุขไม่เศร้าไม่ทะเยอทะยานเกินไปและ ไม่กลัว ...เมื่อฉันจากการค้าขณะนี้สถานที่นี้ผลลัพธ์ของการสร้างความสุขความเศร้ามิ ได้พวกเขาก็เป็นสิ่งที่พวกเขานี้จะช่วยให้ฉันเพื่อป้อนการค้าต่อไปที่มีค่า ทางอารมณ์ไม่มีผมพบว่ารัฐนี้อย่างดีที่สุดสิ่งสำคัญที่ลักษณะของฉันของการ ซื้อขายฉันพยายามที่จะหาจุดความลังเลในการค้าช่องทางหรือในการฝ่าวงล้อม, ที่ราคายังคงทรงตัวระหว่างความกลัวและความโลภ ณ จุดนี้, บูลส์และหมีอยู่ในสมดุลไม่มีเวลาและขาต่อไปของย้ายจะเริ่มต้นเช่นเดียวกับขา สุดท้ายสิ้นสุด.
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/(-forex)/?/
การทำกำไร ที่สอดคล้องเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดของผู้ค้ามากที่สุดตลอดกาลจะ เผชิญในโลกมันง่ายที่จะทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมและทวนง่ายที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่เราทำการตัดสินใจสำคัญในชีวิตของเรามีแนวโน้มที่จะไม่สนใจ ปัจจัยสำคัญและมุ่งเน้นในสิ่งที่ไม่ได้เรื่องจริงๆโปรดดูราคาข้างต้น ดร. Van Tharp himsaself สรุปได้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะไม่รับผิดชอบเพียง 10% ในการค้าของคุณประสบความสำเร็จในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าอื่นที่ดีใน เอเชียกล่าวถึง15% แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญไม่ยอมรับว่าการกระจายร้อยละเดียวกันเมื่อมันมาถึง จิตวิทยา, การจัดการเงิน (ตำแหน่งขนาด) และกลยุทธ์, พวกเขาก็กล่าวอ้างความเป็นจริงพื้นฐาน --ปัจจัยที่สำคัญอย่างน้อยในความสำเร็จของการค้าของคุณเป็นระบบการค้าของคุณ (ใด ๆระบบการค้าใด ๆ )
ฉันจะทำซ้ำอีกครั้งที่จุดประสงค์ เพียงเพื่อครอบครองกลยุทธ์การซื้อขายเป็นเพียงการที่จะมีเหตุผลในการซื้อและ ขายแต่สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในตลาดอยู่ห่างสำคัญกว่ากลยุทธ์ผู้ค้า ส่วนใหญ่จะคอยมองสำหรับกลยุทธ์ที่พวกเขาคิดว่าสามารถจะดีนักการตลาดให้กับ ผู้ค้า bombarding กับระบบการค้า; สิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าในการซื้อขายผู้จำหน่ายมากน้อยเน้นจิตวิทยา การซื้อขายซึ่งเป็นด้านที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จของการซื้อขายสงสัยไม่มี ผู้ค้าส่วนใหญ่จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์เดียวกัน
อย่า กลัวที่จะแตกต่างเพราะส่วนใหญ่จะไม่ถูกต้องเสมอเรียนรู้ที่จะไม่ปฏิบัติตาม เช่นฝูงแกะและเฉียบขาดในเป้าหมายและค้าของคุณถ้าคุณทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ แล้วคุณมักจะได้รับสิ่งที่คนอื่น ๆ ได้รับมากกว่าอะไรจิตวิทยาของเราอย่างมากเรื่องมากในการซื้อขาย
ตัวอย่าง เช่นถ้ากลยุทธ์ที่ดีกับกฏเพียงและทุนเดียวกันจะได้รับแตกต่างกันถึง 10 คน (ไม่พูดถึง 50 หรือ 100 คนที่แตกต่างกัน)เพื่อการค้าที่มีจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างหลังจากช่วงระยะเวลา หนึ่งบางคนจะไปแตกบางส่วนจะเสียเงินบางส่วนจะคุ้มและบางส่วนจะสร้างรายได้ใน ความเป็นจริงจะมีเป็นส่วนของผู้ที่ลงท้ายที่แตกต่างหลากหลายที่มีจำนวนผู้ ใช้กลยุทธ์พวกเขาเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์เดียวกันกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่นี้เพื่อเป็นเพราะเหตุใด จิตวิทยาเรื่อง
ดังนั้นคุณจำ เป็นต้องทำงานเกี่ยวกับจิตวิทยาของคุณหนึ่งในวิธีการที่ดีของการทำเช่นนี้ คือการอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาการซื้อขายนอกจากฉันได้พบวิธีการนี้เคน ยาวของด้านล่างนี้มีประโยชน์มากสำหรับการซื้อขายของฉันเขากล่าวว่า"หนึ่งใน ทักษะที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการมืออาชีพที่เป็นความต้องการในการพัฒนา ความสามารถในการจัดการของเขาหรือเธอสภาพจิตใจการบำรุงรักษาทางจิตวิทยาที่มี ประสิทธิภาพสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวของการ ซื้อขาย.. สำหรับผม ... (นี้)หมายถึงภาวะทางอารมณ์ที่เป็นกลางไม่สุขไม่เศร้าไม่ทะเยอทะยานเกินไปและ ไม่กลัว ...เมื่อฉันจากการค้าขณะนี้สถานที่นี้ผลลัพธ์ของการสร้างความสุขความเศร้ามิ ได้พวกเขาก็เป็นสิ่งที่พวกเขานี้จะช่วยให้ฉันเพื่อป้อนการค้าต่อไปที่มีค่า ทางอารมณ์ไม่มีผมพบว่ารัฐนี้อย่างดีที่สุดสิ่งสำคัญที่ลักษณะของฉันของการ ซื้อขายฉันพยายามที่จะหาจุดความลังเลในการค้าช่องทางหรือในการฝ่าวงล้อม, ที่ราคายังคงทรงตัวระหว่างความกลัวและความโลภ ณ จุดนี้, บูลส์และหมีอยู่ในสมดุลไม่มีเวลาและขาต่อไปของย้ายจะเริ่มต้นเช่นเดียวกับขา สุดท้ายสิ้นสุด.
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/(-forex)/?/