RSS

Mark Douglas ทัศนคติแห่งการเก็งกำไร

Mark Douglas เซียนหุ้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่า เขามีความชำนาญ และแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแง่มุมทางด้านจิตวิทยาการลงทุนเป็นอย่างสูง ในระดับต้นๆของโลก โดยเขาได้เคยเขียนหนังสือหุ้นไว้สองเล่มที่โด่งดังมาก และถือเป็น Must Read! เลยทีเดียวนั่นก็คือ The Discipline Trader และ Trading in The Zone


Douglas เริ่มต้นการเก็งกำไรในตลาด Future ในปี 1978 โดยขณะนั้น เขาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง จนเมื่อมีโบรกเกอร์โทรมาชักชวนให้เขาลงทุน เขาจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเก็งกำไรในทองคำ และหลังจากนั้นมา เขาก็หลงใหลในการเก็งกำไรเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจลาออกจากงานผู้บริหาร และสมัครเข้าทำงานใน Merrill Lynch ด้วยการเป็นโบรกเกอร์แทน!!!!

ภาย ใน 9 เดือน Douglas ก็หมดตัว!!! เขาสูญเสียเงินสะสมทั้งหมดที่มีไปกับการเก็งกำไร แต่นั่นกลับกลายเป็นพลังให้เขาลุกขึ้นต่อสู้ และก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่เขาเลือก เพราะอย่างน้อยเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ เขาเรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วการเก็งกำไรนั้น มันคือการต่อสู้กับจิตใจของเราเอง โดยมุมมอง และทัศนคติของเขานั้น มีส่วนสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดในการเก็งกำไร และนั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิด คือสิ่งที่สำคัญมาก และนั่นทำให้หลังจากนั้น เขาเริ่มเขียนบันทึกประจำวันอย่างละเอียด

"ผม ได้เขียนถึงพฤติกรรมการเก็งกำไรของผม สภาวะจิตใจของผม และสภาวะจิตใจที่เกิดขึ้นกับของลูกค้าของผม โดยผมได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับรูปแบบพฤติกรรมที่ผมสังเกตเห็น ไม่เพียงแต่เฉพาะจากตัวของผม แต่รวมถึงทุกๆคนที่อยู่ในออฟฟิต และจากนักเก็งกำไรในห้องค้า (Floor Trader) ซึ่งผมรู้จักอีกด้วยครับ"

หลัง จากเขาเทรดมาได้ 3 ปี เขายังไม่สามารถที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จนทั้งครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาต่างคิดว่าเขาบ้าที่ตัดสินใจออกมาจากงานบริหารที่ทำอยู่ แทบจะไม่มีใครที่ยอมรับเขาเลย และเขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ยังซ่อนอยู่ในใจ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหันหลังกลับ เขาใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะทำตามความฝัน ในที่สุดจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาก็มาถึง

"เมื่อ ผมคิดได้ว่าผมจะต้องทำได้!! (ซึ่งผมจำไม่ได้ว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน) และหลังจากที่ผมรู้สึกได้อย่างนั้น ความกลัวของผมก็หายไป ผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมมากกว่าที่เคยเป็น ผมรู้สึกว่าผมยังสามารถคิดได้ ผมยังสุขภาพดีอยู่ ผมมีพรสวรรค์ และเมื่อผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมได้ ความกลัวทุกอย่างก็หายไปในทันที ผมเห็นรูปแบบพฤติกรรมที่คอยปิดกั้นความสำเร็จของตัวผม และของนักเก็งกำไรคนอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะขัดขวางเราจากความสำเร็จ และมันทำให้ผมเห็นในสิ่งที่นักเก็งกำไรจำเป็นต้องทำเพื่อความสำเร็จของพวก เขา หลังจากนั้นในช่วงหน้าร้อนปี 1982 ผมจึงเริ่มต้นเขียนหนังสือ The Discipline Trader และก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของผมขึ้นครับ"

Douglas อธิบายรูปแบบพฤติกรรมที่คอยขัดขวางนักเก็งกำไรจากความสำเร็จ ว่าความผิดพลาดต่างๆ เช่นการที่คุณมักจะเข้าซื้อเร็วเกินไป ก่อนที่ตลาดจะมีสัญญาณเกิดขึ้น หรือไม่ก็ช้าเกินไป หลังจากที่ตลาดเกิดสัญญาณขึ้นนานแล้ว หรือแม้กระทั่งการขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิม จากการที่คุณเลื่อนจุดตัดขาดทุนของคุณออกไป ความผิดพลาดนี้มันเกิดมาจากความกลัวหลักๆ 4 ชนิด ที่นักเก็งกำไรชั้นยอดนั้นจะคอยจัดการกับมันอยู่เสมอ

ความกลัว 4 ชนิด นั่นก็คือ ความ กลัวที่จะผิดพลาด ความกลัวที่จะขาดทุน ความกลัวที่จะพลาดโอกาสไป และสุดท้ายคือความกลัวที่จะปล่อยให้กำไรหลุดลอยไป ซึ่งเขาพบว่า ความกลัวทั้ง 4 ชนิดนี้คือตัวการหลักๆที่ทำให้เราทำในสิ่งที่ผิดในการเก็งกำไรมากกว่า 90% ซึ่งความกลัวดังกล่าวมันถูกบ่มเพาะมาจากวัฒนธรรมและสังคมของพวกเราเอง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครสักคนจะเติบโตมาโดยไม่เคยเรียนรู้ที่จะต้องกลัว บางสิ่ง

สำหรับนักเก็งกำไรนั้น พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจขาดทุนได้ตลอดเวลา แต่พวกเราไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน เพราะหากเรายอมรับมัน มันจะทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เราต้องสูญเสียบางสิ่งไป พวกเขาจึงพยายามหนีความจริง และจากการที่เราพยายามหนีมัน นั่นทำให้ทุกๆอย่างยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

Douglas แนะนำว่า คุณต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณ โดยการเปลี่ยนมุมมองและให้ความหมายกับคำว่าขาดทุนเสียใหม่ว่าการขาดทุนจริงๆ แล้วมันหมายความว่าอะไร สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณหลายๆอย่างที่เป็นตัวการทำให้คุณตีความ หรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดในทางลบหรือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด คุณจะต้องสร้างความเชื่อและทัศนคติชุดใหม่ขึ้นมา ที่จะทำให้คุณสามารถตีความหรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดได้ อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไร้ความกังวลต่างๆ รวมถึงความเชื่อชุดใหม่ที่จะทำให้คุณสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มความ สามารถของคุณ

สิ่งที่แยกนักเก็งกำไรหรือ นักลงทุนชั้นยอดออกจากคนทั่วๆไป นั่นคือนักเก็งกำรชั้นยอดนั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การลงทุนซื้อ-ขาย แต่ละครั้งนั้น ผลลัพธ์ของมันไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายครั้งที่ผ่านๆมาเลย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม มันก็เหมือนการโยนเหรียญหัวก้อย ผลของการโยนเหรียญครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับครั้งที่แล้วหรือครั้งไหนๆ

สิ่ง ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเริ่มต้นเข้ามาเก็งกำไรหรือลงทุนนั่นก็คือ พวกเขาไม่ได้คิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจมาก จริงๆแล้วตลาดนั้นไม่สามารถที่จะบังคับหรือไม่มีผลต่อคุณในการกำหนดมุมมอง การรับรู้ หรือแปลความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดของตัวคุณเองเลย แต่มันเกิดขึ้นมาจากกลไกทางจิตวิทยาในตัวคุณซึ่งจะคอยควบคุมการรับรู้และแปล ผลของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในตัวของคุณเอง และในฐานะที่คุณเป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อให้เกิดกำไรที่สม่ำเสมอขึ้นมาก็คือ การควบคุมกระบวนการในการรับรู้ และแปลความหมายของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในทางที่คุณจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม และไร้ความวิตกกังวลนั่นเอง

ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ “ความกลัว” นั่นเอง เนื่อง จากจิตใจของเรานั้นถูกออกแบบมาให้หลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวด จากกลไกทางจิตวิทยาที่อยู่ทั้งใต้จิตสำนึกของเราและจิตสำนักของเราเอง และนี่คือตัวการใหญ่ตัวหนึ่งที่พวกเรามักจะมองข้ามมันไป ผู้คนส่วน ใหญ่ไม่เข้าใจว่าความกลัวนั้น นอกจากจะทำให้จิตใจของเราอ่อนแอลงไป แต่มันทำให้มุมมองหรือวิสัยทัศน์ของเราย่ำแย่ลงไปด้วย ความกลัวนั้นจะทำให้มุมมองของเราแคบลงไปเพราะเรามัวแต่เพ่งอยู่กับสิ่งที่ เรากลัว ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เข้ามาในทุกๆช่วงขณะเวลานั่นเอง

ยิ่งในเรื่องของการเก็งกำไรหรือ การลงทุนแล้ว มันยิ่งเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของเราเองขึ้นอีก เนื่องจากจริงๆแล้วตลาดนั้นไม่ได้สร้างข้อมูลที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมา ด้วยตัวของมันเองเลย สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาคือข้อมูลดิบ ซึ่งสามารถทำให้เรารับรู้มันในแนวทางที่เจ็บปวดขึ้นมาหรือในแนวทางที่พึงพอ ใจขึ้นมาควบคู่กันไปอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณได้เข้าไปซื้อหุ้นไว้ แต่ภาพของตลาดโดยรวมนั้นกลับกลายเป็นขาลง และโชคร้ายเหลือเกินที่การเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งมันทำให้ผมตัดสินใจถือมัน ต่อไป เพราะช่วงที่ตลาดเด้งสวนขึ้นมานั้น จะทำให้เกิดความหวังขึ้นมานั่นเอง และจุดนี้เองที่ความกลัวของคุณจะเข้ามามีผลทำให้คุณจดจ่อความสนใจไปที่การ เด้งขึ้นมาของตลาดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากคุณได้ให้ความสำคัญกับการเด้งขึ้นมาของตลาดมากกว่าอย่างอื่น และทำให้คุณจะพยายามทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะบอกกับตัวเองว่าคุณจะไม่เป็น อะไร คุณจะพยายามหาเบาะแสเพื่อให้คุณสบายใจว่ามันจะเด้งขึ้นมาอีก และถึงแม้ว่าตลาดยังจะเคลื่อนที่เป็นขาลงต่อไป คุณก็จะไม่อยากรับรู้มัน คุณจะพยายามมองและรับรู้ว่าการเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งของตลาดเป็นจุดกลับตัว ขึ้นของมัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณจะเริ่มยอมรับความจริงเมื่อราคามันตกไปจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว.....

ตลาด หุ้นมันไม่ใช่อะไรอื่น มันเป็นเพียงสิ่งสะท้อนอารมณ์ความโลภและความกลัวของนักลงทุน ซึ่งส่งผลต่อระดับราคา มันไม่มีเหตุผลและไม่ใช่ตรรกะ ในตลาดหุ้น 1+1 อาจไม่ได้เท่ากับ 2 ดังนั้น เลิกหาเหตุผลให้มัน แต่จงเข้าใจในสิ่งที่มันเป็น และเมื่อตลาดคือสิ่งที่สะท้อนอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ เมื่อคุณอยากเข้าใจมัน ชนะมัน และทำเงินจากมัน คุณก็ต้องเข้าใจอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ ซึ่งมันก็คือการเข้าใจจิตใจของตัวเอง ดังนั้นจงพัฒนาการรับรู้ บริหารจิตใจและอารมณ์ของตัวคุณให้ดี แล้วคุณจะพบว่าเคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้อยู่ที่ไหน มันอยู่แค่....ภายในใจของคุณเองนี่แหละ

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/mark-douglas/?/

Pips และ Lots คืออะไร

ทำความรู้จักกับ Pips และ Lots กันก่อน
คุณอาจจะได้เคยได้ยินคำว่า pips และคำว่า Lots ผมจะขยายความว่ามันคืออะไรและคำนวณกันอย่างไร
คุณ ควรใช้เวลากับเรื่องนี้มากพอสมควร มันเป็นความรู้ที่เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ อย่าพึ่งนึกถึงเรื่องการเทรดจนกว่าคุณจะเข้าใจคำว่า pips และสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้

คำว่า Pip คืออะไร
โดย ทั่วไป การเพิ่มขึ้นของค่าเงินนั้นจะบอกเป็น Pip ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.2250 ไปที่ 1.2251 นี่คือเคลื่อนที่ไป 1 pip  PIP คือ จุดทศนิยมตัวสุดท้ายซึ่งถูกอ้างอิงจากราคาปัจจุบันของตลาด กำหนดให้มีสี่ตำแหน่งที่ใช้กัน ในบางโบรกเกอร์อาจจะมีถึงห้าตำแหน่ง  PIP เป็นสิ่งที่บอกให้คุณรู้ว่า คุณได้กำไรหรือขาดทุน
โดยแต่ละค่าเงินก็มี ค่างของตัวมันเอง มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องคำนวนค่าของ pip สำหรับค่าเงินนั้นๆ ค่าเงินที่ USD ขึ้นก่อน สามารถคำนวณได้ดังนี้

เช่น USD/JPY อยู่ที่ ราคา 119.80(โดยส่วนมากจะมีทศนิยมสองตำแหน่ง ) ในกรณีนี้ 1 pip เท่ากับ 0.01
ดังนั้น
USD/JPY
119.80
0.01 หารด้วย อัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.01/119.80 = 0.0000834
ดูเหมือนกับกว่ามีตัวเลขที่เยอะมากแต่เราจะอธิบายตัวเลขนี้ในภายหลัง
USD/CHF
1.5250
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.5250 = 0,0000655

USD/CAD
1.4890
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.48990 = 0.00006715

และในกรณีที่ US ดอลล่าร์ ไมได้อยู่เป็นตัวแรก และเราต้องการที่จะได้รับเป็นค่าของดอลล่า เราทำได้ดังนี้
EUR/USD
1.2200
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pips value
ดังนั้น
0.0001/1.2200 = EUR 0.00008196
แต่พวกเราต้องการทำให้เป็นหน่วย US ดอลล่าร์ เราจึงต้องคำนวนใหม่เป็น
EUR คูณ อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะเท่ากับ
0.00008196 * 1.2200= 0.00009999
เราปัดทศนิยมให้เป็นสี่ตำแหน่งจะได้เป็น 0.0001

GBP/USD
1.7975
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
ดังนั้น
0.0001/1.7975 =GBP 0.0000556
แต่เราต้องการทำให้เป็นหน่วยของ US ดอลล่าร์ ซึ่งคำนวนได้ดังนี้
GBP*อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะได้เท่ากับ
0.0000556*1.7975=0.0000998
เราปัดเป็นทศนิยมสี่ตำแหน่งเป็น 0.0001

สำหรับ ค่าเหล่านี้ คุณไม่ต้องคำนวนอะไร เราอยากให้ทราบถึงที่มา ว่ามันมาอย่างไร ทั้งหมดนี้ โบรกเกอร์จัดการให้คุณแบบอัตโนมัติ  มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณควรจะรู้ว่ามัน ทำงานอย่างไร

Lots คืออะไร
ในตลาด Forex เทรดเป็นจำนวน Lots ,   ขนาดมาตรฐานสำหรับ Lot คือ 100000 units และมี Mini lot size ที่ 10000 units เมื่อคุณรู้แล้วว่า ค่าเงินนั้นวัดค่าเป็น pips ซึ่งเป็นการเพิ่มทีละน้อยของค่าเงินนั้น ซึ่งข้อดีของการเพิ่มทีละน้อย มันทำให้คุณสามารถเทรดได้จำนวนมากๆในแต่ละค่าเงินที่คุณเลือก และสามารถคำนวณกำไร ขาดทุนได้

สมมติว่าเราใช้ 100000 units (Standard size) เราจะคำนวนใหม่ให้เห็นค่าของ pip value
USD/JPY ที่อัตราแลกเปลี่ยน 119.80
(.01 / 119.80) x 100,000 = $8.34 per pip)

USD/CHF at an exchange rate of 1.4555
(.0001 / 1.4555) x 100,000 = $6.87 per pip)

EUR/USD at an exchange rate of 1.1930
(.0001 / 1.1930) X 100,000 = 8.38 x 1.1930 = $9.99734 rounded up will be $10 per pip)

GBP/USD at an exchange rate or 1.8040
(.0001 / 1.8040) x 100,000 = 5.54 x 1.8040 = 9.99416 rounded up will be $10 per pip.)

ซึ่ง โบรกเกอร์ของคุณอาจจะมีข้อตกลงที่แตกต่างกันในการคำนวน pip value สัมพันธ์กับ Lot size แต่ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตามหนทางที่พวกเขาทำ พวกเขาจะต้องแจ้งให้คุณทราบ pips value ของการเทรดของคุณที่เวลานั้นๆ เป็นเท่าไร ขณะที่ตลาดมีการเคลื่อนตัว  pip value จะขึ้นอยู่กับค่าเงินอะไร ที่คุณเทรดอยู่ ณ ปัจจุบัน

คุณสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้อย่างไร
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะสามารถคำนวน Pip value ได้อย่างไร ต่อไปนี้มาดูวิธีการคำนวนกำไรและขาดทุนของคุณ

Buy USD และ Sell Swiss francs
ที่อัตราที่แสดงราคาคือ 1.4525/1.4530  เพราะว่าคุณได้  Buy US คุณจะได้ราคา 1.4530
ไม่กี่นาทีผ่านไป ราคาเคลื่อนที่ไปที่ 1.4550 และคุณตัดสินใจที่จะปิดออเดอร์ของคุณ
ราคาที่แสดงใหม่ของ USD/CHF คือ  1.4550/1.4555
ผลต่างระหว่าง 1.4530 ถึง 1.4550 คือ 20 pips
ใช้สูตรก่อนหน้านี้ในการคำนวนจะได้
(.0001/1.4550) x 100,000 = $6.87 per pip x 20 pips = $137.40

จำไว้ว่า เมื่อคุณจะเข้าเทรด หรือออกจากการเทรด ให้คุณดูเสปรดในราคา  bid/offer(ask)

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/pips-lots/?/

Pending Order คืออะไร ? เค้าใช้ยังไง ?

Pending Order คืออะไร

สวัสดีครับ เพื่อนๆ เทรดเดอร์ทุกคน

หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินเพื่อนๆเทรดเดอร์พูดกันหลายต่อหลายครั้ง เอร้ย มรึงใช้คำสั่ง Pending Order สิ ส่วนเราก็ทำหน้างงนิดๆแล้วก็ถามตัวเองว่า มันคืออะไรหว่า 555 เออๆ เด๋วกรูลองดู ...

คำว่า Pending Order ผมขอทับศัพท์เลยละกันนะครับ ไม่ขอเขียนเป็นคำไทย เด๋วราชบัญฑิตให้ผมแก้ ถึงกับซวยเลย   Pending Order คือ ประเภทคำสั่งที่เราใช้เพื่อเข้าออเดอร์ แต่ไม่ใช้ ณ เวลานี้ (Marketหรือ Instant Executed) โดยประเภทของคำสั่งในโบรกเกอร์ มีหลายประเภทมาก แต่เราก็นิยมใช้กันก็คือ Instant Execution ถ้าให้ผมแปลก็คือ เข้าทันที ทันใด ณ ราคา ขณะนั้นเลย หรือ ภาษาบ้านๆผมก็คือ เข้าแมร่งเลย 555+  หรือบางโบรกเกอร์ อาจจะใช้คำว่า Market  อีกคำสั่งนึงที่เป็นหัวข้อของเราในวันนี้ก็คือ PendingOrder ก็คือ รอเข้าในราคาที่เราคิดว่า มันจะ... ลงมาถึง  ... ขึ้นไปถึง ... ทะลุไปแล้วชน แล้ววิ่งฉลุยไปเลย หรือปะสาอังกิตหน่อย (เขียนผิดนิดนึง 555 ตั้งใจๆ ) Breakout แล้วไปเลย เป็นต้น . หรือที่ผมพูดบ่อยๆ มรึงจะรีบเข้าไปไหน รอราคามันไปถึงตรงนั้นก่อน ค่อยBuy Limit หรือ ตั้ง Sell limit สวนมันเลย  ..


คำสั่ง Pending Order มันมีสองประเภทใหญ่ๆ คือ


1.คำสั่ง Limit  (อ่านว่า ลีหมิด นะครับ ไม่ใช่ ลิมิต พลาดพิงนิดนึง ) คำสั่ง Limit คือ คำสั่งที่ใช้ตั้งสวนราคา แปลง่ายๆเลยละกัน มีสองประเภท

1.1 Buy Limit  เราจะใช้ก็ต่อเมื่อ ราคามันลง ๆๆ ลงมาเรื่อยๆ เราหาแนวรับได้แล้ว ประมาณว่า เราจะรับซื้อที่ราคานี้แหระ ก็ใช้คำสั่ง Buy Limit ได้เลยในขณะที่ราคายังไม่ถึง และอีกกรณี คือ เราเห็นราคามันขึ้น ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เราเข้าไม่ทันละ เราต้องคิดว่า ราคามันไม่ขึ้นอย่างเดียวหรอก มันต้องย่อ ก็หาราคาที่มันจะย่อ หรือหาราคาที่จะพักตัวนั่นเอง เพื่อที่จะเข้าออเดอร์ เมื่อหาราคาย่อได้แล้ว ก็ใช้คำสั่ง Buy Limit ทันที

1.2 Sell limit  ตรงข้ามกับหัวข้อ 1.1 เลยครับ มองกลับกัน หากเราคิดว่า ราคามันขึ้นมาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นแนวต้าน มันเด้งลงแน่นอน เราก็ใช้คำสั่ง Sell limit ตั้งรอมันเลย อีกกรณี กราฟเป็นขาลงอยู่ ก็ต้องคิดว่า มันคงไม่ลงอย่างเดียว มันต้องขึ้นพักตัวบ้างสิ เราก็หาราคาที่กราฟเด้งพักตัว พอหาเจอแล้ว ก็ใส่คำสั่ง Sell Stop  ได้เลยครับ


2.คำสั่ง  Stop  คำสั่ง Stop คือ คำสั่งที่ใช้ตามราคา ตามเทรน  อธิบายความหมายอาจจะไม่เข้าใจ มาดูเลยละกัน มีสองประเภท เหมือนกันครับ

2.1 Buy Stop เราจะใช้คำสั่งนี้ก็ต่อเมื่อ  กรณีแรก เราเห็นราคามันลงๆ ลงมาๆเรื่อยๆ ที่นี้เราจะรอเข้า แต่ราคามันต้องสร้าง Uptrend ก่อน ก็คือ จุดต่ำสุดยกตัวสูงขึ้น จุดสูงสุดก็ยกตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อเรารู้ว่า มันเริ่มยกตัวสูงขึ้นแล้ว ก็ใช้จุดสูงสุดแรก เป็นจุดเข้า  Buy โดยตั้งสมมติฐานไว้ว่า ถ้าราคาทะลุ High แรกไป ออเดอร์ของเราจะเปิดทันที เราก็ตั้ง Buy Stop ไว้ที่ราคา High แรกเลย

กรณีที่สอง เราเห็นกราฟขึ้นมาสร้างจุดสูงสุด แล้วมันย่อตัวลงไปพักตัว แต่เราคิดว่า ราคามันต้องขึ้นไปต่อแน่นอน เราก็ไปตั้ง Buy Stop ไว้ที่ตำแหน่ง High ถ้าราคาขึ้นมา ออเดอร์ของเราก็จะเปิดทันที

2.2 Sell Stop คำสั่งนี้ก็ตรงข้ามกับหัวข้อ 2.1 ถ้าเราคิดว่า ราคาจะ Breakout Low เดิม ก็ใช้คำสั่ง Sell Stop ตั้งไว้ที่ Low เดิมได้เลย


Note : คำสั่ง Stop โดยส่วนใหญ่จะใช้คำสั่งนี้เพื่อเทรดแบบรอราคาทะลุ (Breakout Trading )


นอก จากนี้เรายังสามารถ แก้ไขออเดอร์ที่เราได้ตั้งไว้ (Pending Order) สามารถแก้ได้ทั้งราคาที่จะเข้า (Entry Price ) ราคาตัดขาดทุน (Stop Loss )  ราคาเป้าหมาย (Target Price ) รวมทั้งปรับขนาดของปริมาณการซื้อปริมาณการซื้อ ขายของเรา (Volume lot size) ได้อีกด้วย โดยการคลิกขวาที่ออเดอร์ที่เราเข้าไว้ที่ Terminal (Ctrl+T)

ลองเอาไปใช้กันนะครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆเทรดเดอร์ทุกคน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/pending-order-569/?/

วิธีการสมัครเปิดบัญชี Exness Forex





- เข้าสู่เว็บไซต์ www.exness.com
- เลือกภาษาที่เราต้องการ (ภาษาไทย)
- เลือกบัญชีการซื้อขาย

- แนะนำเลือกเปิดบัญชี MINI

- กรอกข้อมูล อีเมลล์ เบอร์โทร

- กรอกชื่อ-สกุล (ภาษาอังกฤษ)
- เลือก leverage และสกุลเงิน
- กรอกรหัสที่ได้รับทาง SMS และอีเมลล์

- แนะนำเลือกประเภทรักษาความปลอดภัยเป็นแบบ โทรศัพท์เคลื่อนที่
- สร้างรหัสผ่าน

- เลือกโบนัสที่ต้องการ

- ข้อมูลบัญชีที่เราเปิด

- จะมีอีเมลล์ 3 ฉบับ ส่งเข้าอีเมลล์ของเราเป็นข้อมูลทางบัญชีต่างๆ โปรดอ่านและเก็บไว้ดีดีครับ

วิธีสมัคร HotForex





1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อนสมัคร www.hotforex.com


2. กรอกข้อมูลของคุณ เลือกประเภทบัญชีและใส่ข้อมูลรายได้และอาชีพ เลือกบัญชีโบนัส หรืออาจจะไม่เลือกก็ได้ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขในการรับโบนัสด้วย จากนั้นตอบโจทย์ Security Questions แล้วคลิ๊กที่กล่องสี่เหลี่ยมด้านล่าง
เพื่อยอมรับเงื่อนไขต่างๆ แล้วกด Open Live Account



3. หลังจากนั้นคุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดี แล้วให้คุณไปเช็คเมล์ของคุณ คุณจะได้รับลิงค์เพื่อยื่นยันตัวตน ให้กดที่ลิงค์นั้น


4. เมื่อกดลิงค์ที่ได้รับจากเมล์แล้ว คุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดีอีกครั้งสำหรับการยืนยันเมล์ของคุณ  และคราวนี้
ทางโบรคเกอร์ก็จะส่งหมายเลข ID และ Password ไปให้คุณทางเมล์ คุณก็เข้าไปเช็คเมล์ของคุณอีกรอบ


5. อีเมล์ที่คุณได้รับจะมีหน้าตาแบบนี้  จะมีID และ Password 2 ชุด ชุดแรก จะใช้กับการล็อกอิน เข้าเว็บไซด์ ส่วนอีกชุด
จะใช้ล็อกอิน เข้าโปรแกรม MT4 และ จะมีลิ้งค์ ดาวน์โหลด โปรแกรมเทรด MT4 และลิงค์เพื่อเข้าหน้ารายการหลักของคุณ เลือกที่ MyHotForex เพื่อเข้าหน้าหลักของคุณ


6. ใส่รหัส ID และ Password เพื่อเข้าหน้าเว็บหลักของคุณ


7. การยืนยันตัวตน เมื่อเข้าหน้าหลัก ให้คุณเลือกข้อ 1 เพื่อเข้าไปทำการยืนยันตัวตน


8. หลังจากนั้นอัพโหลดไฟล์ บัตรประชาชน,พาสปอร์ต หรือใบขับขี่ ไปเพื่อยืนยันตัวบุคคล (PLE) และอกสารใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ บิลต่างๆที่มีชื่อคุณอยู่ในนั้น เพื่อยืนยันที่อยู่ (POA) ไฟล์เอกสารที่ส่งจะต้องเป็น PDF หรือ JPG format เท่านั้น

จากนั้นคุณก็แค่รอให้ทางโบรคเกอร์ตรวจสอบและอนุมัติเท่านั้น ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนสมัครเรียบร้อยค่ะ






1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อนสมัคร www.hotforex.com


2. กรอกข้อมูลของคุณ เลือกประเภทบัญชีและใส่ข้อมูลรายได้และอาชีพ เลือกบัญชีโบนัส หรืออาจจะไม่เลือกก็ได้ อย่าลืมอ่านเงื่อนไขในการรับโบนัสด้วย จากนั้นตอบโจทย์ Security Questions แล้วคลิ๊กที่กล่องสี่เหลี่ยมด้านล่าง
เพื่อยอมรับเงื่อนไขต่างๆ แล้วกด Open Live Account



3. หลังจากนั้นคุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดี แล้วให้คุณไปเช็คเมล์ของคุณ คุณจะได้รับลิงค์เพื่อยื่นยันตัวตน ให้กดที่ลิงค์นั้น


4. เมื่อกดลิงค์ที่ได้รับจากเมล์แล้ว คุณจะได้เจอกับหน้าแสดงความยินดีอีกครั้งสำหรับการยืนยันเมล์ของคุณ  และคราวนี้
ทางโบรคเกอร์ก็จะส่งหมายเลข ID และ Password ไปให้คุณทางเมล์ คุณก็เข้าไปเช็คเมล์ของคุณอีกรอบ


5. อีเมล์ที่คุณได้รับจะมีหน้าตาแบบนี้  จะมีID และ Password 2 ชุด ชุดแรก จะใช้กับการล็อกอิน เข้าเว็บไซด์ ส่วนอีกชุด
จะใช้ล็อกอิน เข้าโปรแกรม MT4 และ จะมีลิ้งค์ ดาวน์โหลด โปรแกรมเทรด MT4 และลิงค์เพื่อเข้าหน้ารายการหลักของคุณ เลือกที่ MyHotForex เพื่อเข้าหน้าหลักของคุณ


6. ใส่รหัส ID และ Password เพื่อเข้าหน้าเว็บหลักของคุณ


7. การยืนยันตัวตน เมื่อเข้าหน้าหลัก ให้คุณเลือกข้อ 1 เพื่อเข้าไปทำการยืนยันตัวตน


8. หลังจากนั้นอัพโหลดไฟล์ บัตรประชาชน,พาสปอร์ต หรือใบขับขี่ ไปเพื่อยืนยันตัวบุคคล (PLE) และอกสารใบเสร็จ ใบแจ้งหนี้ บิลต่างๆที่มีชื่อคุณอยู่ในนั้น เพื่อยืนยันที่อยู่ (POA) ไฟล์เอกสารที่ส่งจะต้องเป็น PDF หรือ JPG format เท่านั้น

จากนั้นคุณก็แค่รอให้ทางโบรคเกอร์ตรวจสอบและอนุมัติเท่านั้น ถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนสมัครเรียบร้อยค่ะ

วิธีสมัคร IronFX





1.เข้าไปที่หน้าเว็บเพื่อสมัคร http://www.ironfx.com/

2. กรอกข้อมูลเบื้องต้น


3. กรอกรายละเอียดของเราซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีตามตัวอย่าง


4. ขั้นตอนการยืนยันตัวตน ด้วยการส่งเอกสาร เราอาจจะทำทีหลังก็ได้ โดยการยืนยันตัวบุคคล จะใช้เป็น บัตรประชาชน พาสปอร์ต หรือ ใบขับขี่ และการยืนยันที่อยู่ จะใช้เป็นใบเสร็จ บิลเรียกเก็บเงินต่างๆก็ได้ แต่ในส่วนของการยอมรับเงื่อนไขต้องทำเครื่องหมายด้วยก่อนที่จะดำเนินการขั้นต่อไป



หลังจากจบขั้นตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อย จะมีหน้าแสดงความยินดีขึ้นมา แล้วตัดเข้าไปที่จะทำการฝากเงินเข้าบัญชี และเมนูหลักอื่นๆขึ้นมาให้ สังเกตว่าด้านบนจะเป็นชื่อ และชื่อเล่นทีคุณตั้งให้กับพอร์ตของคุณอยู่


5. เมนูการเลือกฝากเงิน


สำหรับเรื่องการฝากถอนเงิน ถ้าคุณฝากทางช่องทางไหน ก็จะต้องถอนผ่านช่องทางนั้น ส่วนการฝากผ่านบัตร เครดิต เดบิต เวลาถอนคุณจะถอนผ่านบัตรได้เฉพาะเงินต้นที่คุณฝาก ส่วนกำไรส่วนต่างทางโบรคเกอร์จะส่งให้คุณผ่านทางธนาคาร

วิธีสมัคร ROBOforex



เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.roboforex.com
กดเปิดบัญชีที่ปุ่ม Open live account ตามรูปภาพด้านล่าง


กรอกรายละเอียด ให้ครบทุกช่อง ตามตัวอย่างด้านล่าง กด Confirm เพื่อยืนยันการสมัคร

- ต้องการรับเงินฟรี ต้องเลือก บัญชีแบบ Pro-Cent หรือ Fix-Cent
- แนะนำให้เลือก Pro-Cent เพราะ ทศนิยม 5 ตำแหน่ง
- แนะนำให้เลือก เลือก Leverage  1 :500
- ถ้าทุนเยอะ แนะนำให้เปิดแบบ Pro-Standard ไปเลยนะครับ Deposits ขั้นต่ำ 50 เหรียญ

เปิดที่อีเมล์ เพื่อรับ Code ยืนยันการเปิดบัญชี


การยืนยันสามารถทำได้ 2 อย่างคือ กดที่ลิงค์เมล์ หรือนำ Code กรอกยืนยันก็ได้



ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ระบบจะขึ้นว่า การสมัครเรียบร้อยแล้ว จะโชว์รายละเอียดบัญชีที่เปิด


หลังจาก Verify บัญชีเรียบร้อยแล้ว สามารถขอ Bonus ฟรี 5 $ ได้

วิธีสมัคร FBS

1. เข้าสู่เว็บไซต์ http://www.fbs.com  คลิกที่ “เปิดบัญชี Live


2. กรอกข้อมูลเพื่อทำการเปิดบัญชี



3.ให้คุณเข้าไปเช็คเมล์ของคุณเพื่อทำการยืนยันอีเมล์


4.เข้าไปที่เมล์ของคุณคลิกลิงค์เพื่อยืนยันที่อยู่อีเมล์


5. จากนั้นคุณจะมาที่หน้าให้ใส่ข้อมูลยืนยันการติดต่อของคุณมีให้เลือกทั้งทาง โทรศัพท์ และอีเมล์ สังเกตว่า ถ้าคุณเลือกเป็น SMS คุณจะมีสิทธิได้รับโบนัส $5 โดยอัตโนมัติ (สำหรับบัญชีไมโครเท่านั้น 1 คนมีสิทธิรับได้เพียง 1 ครั้ง)


6. ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์และ รอรับรหัส ทาง SMS


7. รอรับ SMS แล้วกรอกลงในช่อง ในส่วนที่2 ** ถ้าคุณมีปัญหาในการรับ SMS คุณสามารถเลือกเป็นทางอีเมล์ได้แต่สำหรับบัญชีไมโคร ก็จะหมดสิทธิ์ในการรับฟรีโบนัส $5 ด้วย


หากคุณทำการยืนยันด้วยอีเมล์จะมีหน้าที่เป็นข้อตกลงให้คุณทำเครื่องหมายในช่องยอมรับข้อตกลง แล้วกด Submit


มาถึงขั้นตอนนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นการเปิดบัญชี FBS แล้ว