RSS
Showing posts with label วินัย. Show all posts
Showing posts with label วินัย. Show all posts

สิ่งที่จำเป็นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

สิ่งที่จำเป็นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis)

สิ่งจำเป็นสำหรับนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมีอยู่ด้วยกันหลักๆ อยู่ 4 ข้อ

1. เรียนรู้และฝึกฝน (lean and practice)
2. หยุดขาดทุน (Cut loss)
3. ปกป้องกำไร (protect your profit)
4. มีระเบียบวินัยในการลงทุน (investment discipline)

1. เรียนรู้และฝึกฝน (lean and practice)

การเรียนรู้และฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก็ว่าได้นะครับ
เพราะการลงทุนไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงอยู่ที่ความรู้ของนักลงทุน

มีความรู้มากก็เสี่ยงน้อย
มีความรู้น้อยก็เสี่ยงมาก

และการฝึกฝนต้องมาควบคู่กับการเรียนรู้
เพราะเมื่อเรียนรู้แล้วต้องลงมือปฏิบัติในตลาดจริง จะได้รู้ถึงวิธีการประยุกต์เข้าสู่ตลาดจริง

ตัวอย่างเช่น ท่านมีปืนหนึ่งกระบอก ท่านได้ทำการเรียนรู้ว่าปืนนี้ยิงยังไง ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
แต่ท่านไม่เคยมาลองยิงจริงเลย ถามว่าท่านจะยิ่งแม่นขึ้นไหม??
คำตอบก็คือ ไม่เลยยยย

การเรียนรู้ทางเทคนิคก็เหมือนกันท่านมัวแต่ศึกษาตามตำราอย่างเดียวก็ไม่ได้ท่านต้องฝึกฝนในตลาดจริงด้วย
เพราะบทเรียนใน ตลาดบางเรื่องจำเป็นกว่าบทเรียนในตำราบางเรื่องอีก...

"การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ได้บอกว่าคุณจะยิงเข้าเป้าเสมอไป แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะทำให้คุณยิงเข้าเป้ามากขึ้นเท่านั้นเอง"

2. หยุดขาดทุน (Cut loss)

Cut loss ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยทีเดียวสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
เพราะการ Cut loss จะเป็นตัวช่วยให้เราไม่ขาดทุนมากจนเกินไป
แต่การ Cut loss เป็นการทำอะไรที่ค่อนข้างทำใจยากในคนบางกลุ่ม
เพราะชอบคิดไปว่า...ตัวอย่างเช่น เข้าไปในตลาด กดคำสั่ง Buy EUR/USD ไว้
เมื่อค่าของ EUR/USD ลดลง ก็ชอบหลอกตัวเองว่าเดี่ยวกราฟก็คงขึ้น
หลังจากนั้น....กราฟก็ค่อยๆลงไปเรื่อยๆๆ เรื่อยๆ อยู่แบบนั้นจนเงินที่หน้าตักหมด
ทำให้ล้างพอร์ตไปตามๆกัน

วิธีการแก้ไขที่ดีคือ ... เมื่อเราเข้าไปในตลาดแล้วมองว่ากราฟมันจะขึ้นเลยกดคำสั่ง Buy ไว้
แต่ พอกราฟมันมาผิดทางกับที่เราคำนวณไว้ ก็กด Cut loss แทนที่จะปล่อยให้มันลากยาวหรือภาวนารอให้มันขึ้น ก็ตัดมันทิ้งซะ ! "เนื้อร้ายต้องตัดออก"
แล้วออกมาดูแนวโน้มใหม่และพิจารณาว่า เมื่อกี้เราใทำอะไรผิดพลาดไป
เมื่อเรามั่นใจแล้วว่า "เมื่อกี้เราคำนวณผิดนะ จริงๆแล้วกราฟมันจะลง" ก็ Sell ไว้
เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถเอาชนะตลาดได้ง่ายๆ

3. ปกป้องกำไร (protect your profit)

การปกป้องกำไรถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างถือว่าสำคัญเลยทีเดียวเพราะเป็นการรักษากำไรของเรา
ไม่ใช่แบบว่า ราคาขึ้นไปสูงจนทำให้มีกำไรแต่ไม่กล้าขายเพราะคิดว่าราคานั้นจะสูงกว่านี้
แต่พอเวลาผ่านไปราคากลับปรับลงเรื่อยๆจนทำให้ขาดทุนจึงทำการ Cut loss ไป
ทำให้เราขาดกำไรในส่วนที่เราควรจะได้มา

พูดมาหลายคนอาจจะ งง ผมเลยขอยกตัวอย่างให้ดูนะครับ

นาย ก ซื้อ หุ้นมาที่ราคาหุ้นละ 30 บาท ผ่านไป 10 วัน หุ้นมีราคา หุ้นละ 40 บาท
แต่นาย ก คิดว่าราคาน่าจะขึ้นไปได้เยอะกว่านี้นาย ก ก็เลยทำการปกป้องกำไร
โดยถ้าราคาหุ้นตัวนี้ลงมาต่ำกว่า 38 บาท นาย ก จะทำการขาย
แต่พอเวลาผ่านไป หุ้นตัวนี้ไม่มีการปรับราคาขึ้น แต่ดันปรับตัวลง และก็ลง
ลงเรื่อยๆ จนราคามาถึง หุ้นละ 20 บาท

เห็นไหมล่ะครับ นาย ก ได้ทำการปกป้องกำไรส่วนของเขาไว้
ถ้านายก็ไม่ทำการปกป้องกำไรส่วนนี้ไว้ เขาก็อาจจะขาดทุนก็ได้...

4. มีระเบียบวินัยในการลงทุน (investment discipline)

ระเบียบถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ถือว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 99.9999% ทำกัน
ก็คือ มีระเบียบและวินัยในการลงทุน

เพราะการมีระเบียบและวินัยจะทำให้คุณปฏิบัติตามระบบของคุณ
หลายคนอาจยังไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าไหร่นักเพราะคิดว่า อยากเข้าเมื่อไหร่ก็เข้า
อยากเข้าเมื่อไหร่ก็เข้านี้มันเป็นระบบของ "นักพนัน" นะครับ
นักลงทุนเขาจะต้องมีการวางแผนก่อนเข้า หาจังหวะเข้าที่ดี หาจังหวะออกที่ดีและหาวิธีการหนีที่ดีด้วย

เมื่อมีแนวโน้มออกมาไม่ชัดก็ไม่เข้า เมื่อระบบบอกว่า Cut loss ก็ต้องทำ
ทำตามกฎที่ตัวเองตั้งไว้อย่าง อดทน และหนักแน่น
แล้วจะทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จครับ...

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/t543/?/

การทำกำไรอย่างยั่งยืนในตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Trader)

เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งปีของการสอนเทรดของผม, ผมก็อยากจะทำอะไรเป็นพิเศษให้กับนักเรียน ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา นำเสนอข้อคิดหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการเทรด เพราะผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อหลายๆ คน จึงตัดสินใจเผยแพร่ให้สาธารณะด้วยครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่พวกเรา ไม่มากก็น้อย



หัว ข้อใหญ่ที่จะพูดถึง คือทำอย่างไรให้อยู่รอด และทำกำไรในตลาดได้อย่างยั่งยืน, ไม่ใช่วันเดียวกำไร 100% แล้วพรุ่งนี้ล้างพอร์ต สรุปว่าพ่ายแพ้, รวมถึงแนวคิดที่ถูกต้องในการเดินสายการเป็นเทรดเดอร์ จากมุมมองเทรดเดอร์น้อยๆ ของผมหลายๆ คนคาดหวังว่า จะใช้การเทรดเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และพ่อแม่ได้, (ความฝันนี้ คือจุดเริ่มต้นในการเดินสายการเทรดของผม  ยังทำให้เดินหน้าอยู่ถึงทุก วันนี้), แต่พอเริ่มที่คิดจะเดินเส้นทาง เทรดเดอร์แบบจริงจัง พบว่ามันไม่ง่ายเลย, ส่วนที่ยากไม่ใช่ทำกำไร ทุกคนเคยกำไรจากออเดอร์หมด แต่ที่ยาก คือทำอย่างไรที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาวต่างหาก เพราะที่เป็นกันมาก คือชนะบ้าง แพ้บ้าง สลับกันไป แต่สุดท้ายผลรวมคือแพ้ และบางคนแพ้หนักมาก จนต้องย้อมแพ้ และออกจากการเทรดกลับไปเดินเส้นทางเดิม และทิ้งความฝันที่จะมีชีวิตอิสระนี้ไป

แล้วจะทำอย่างไร ให้ชนะในระยะยาวได้ ?
จาก ประสบการณ์สอนเทรดของผม พบว่า สิ่งแรกที่นักเรียนควรจะต้องปรับกันเป็นอันดับแรก คือ Mind set, ถ้าถามนักเรียนว่า เป้าหมายของการเทรดตอนนี้ของเธอ คืออะไร แทบทุกคนจะตอบว่า อยากจะกำไรเยอะๆ, ซึ่งมันก็ถูก แต่...เธอตอบเร็วเกินไป เร็วมากๆ ด้วย, ถ้าเปรียบกับการแข่งกีฬา คือเธอกำลังมองว่าอยากเป็นแชมป์ ในหัวจะมีแต่ภาพว่าเริ่มต้นเป็น นักกีฬา แล้วก็เป็นแชมป์เลย, แต่มักจะมองข้ามขั้นตอนระหว่างทางว่า การจะเป็นแชมป์ได้จะต้องผ่านอะไรบ้าง แล้วถ้าเธออยากจะเทรดเก่ง ควรจะผ่านอะไรบ้าง, พอพูดอย่างนี้หลายคนถึงจะเริ่มตระหนักละว่า คำตอบที่ว่าอยากกำไรเยอะๆ ทันที เป็นคำตอบที่ตอบข้ามขั้นตอนไปหน่อย ตอนนี้พวกเราเริ่มเห็นอะไรในหัว บ้างแล้วใช่ไหมว่า "เราต้องผ่านทีละขั้น ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ฝึก สะสมประสบการณ์ และต้องผ่านภาวะที่ยากลำบาก กว่าจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้" สิ่งสำคัญ คือความทุ่มเท ความพากเพียร และความอดทนในการฝึกฝน ซึ่งจะต้องควบคู่กับการมีความรู้ ว่าต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ที่จะทำให้อยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในตลาด

เป็นที่รู้กันว่า "การสอนที่ดีที่สุด คือการทำให้ดู" ผมจึงขอยกตัวอย่างจริง พร้อมคำอธิบายจากพอร์ตจริงของผม โดยหวังว่านอกจากพวกเราจะได้ความรู้ แล้วยังจะทำให้อยู่ในความมุ่งมั่นในการฝึกต่อไป เพราะมีตัวอย่างว่า คนธรรมดาที่เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างผม (Rojer cmFX) ทำได้ พวกเราก็ทำได้เช่นกัน

เรามาดูกันเลยว่าเรียนรู้อะไรได้จากพอร์ตตัวอย่างนี้
1. บริหารความเสี่ยงของเงินทุน : ถ้าอยากจะชนะในระยะยาว ควรใช้ความเสี่ยงต่ำมาก, ตามทฤษฏี Money Management คือ 2%, ซึ่งระดับความเสี่ยงที่ต่ำๆ แบบนี้ทำให้ความเครียดในการเทรดต่ำมาก ใจนิ่ง และทำตามระบบได้ง่ายขึ้น และถ้าเราผิดทางจริง เราก็ยังเหลืออีก 98% ของพอร์ตมาใช้แก้พอร์ตได้ง่ายมากๆ, เล็งเป้าไว้น้อยๆ แต่ถ้าถูกทางมักจะได้เกินกว่านั้นอยู่ละ, และอย่าได้ดูแคลน 2% เพราะจากพอร์ตนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 2% กลายเป็น 600+% ได้ในระยะยาว

2. ระบบเทรด : เราต้องมีระบบที่ดีพอสมควร, %win อย่างน้อยก็ต้องมากกว่า 50% (เพราะการเทรดมีแค่สองทาง คือ ขึ้นกับลง ควรจะเป็น 50-50) ถ้าระบบไหนที่ ต่ำกว่า 50% ก็ไม่ค่อยดีละ, ยกเว้นพวกระบบแนวที่ผมเรียกเล่นๆ ว่า "ซื้อหวย" คือ ได้ทีได้เยอะมาก แต่โอกาสถูกต่ำ ซึ่งผมไม่ถนัดแนวนี้, สำหรับระบบที่ผมใช้อยู่ความแม่นประมาณ 70-80%, ซึ่งเรื่องระบบเป็นเรื่องแรกที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังไม่มีกัน, ถ้าเทรดแบบไม่มีระบบที่ชัดเจน ในระยะยาวจะพัฒนาได้ยากมาก, ตรงกันข้าม ถ้ามีระบบแล้ว เราจะเห็นข้อดี ข้อเสีย รวมถึงการปรับปรุง และแก้ไขระบบเทรดให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ เพราะเรามีสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้ดู ให้วิเคราะห์ แก้ไข ทดสอบได้ นั่นเพราะเรามี "ระบบ", ถ้าจะพูดถึงรายละเอียดของระบบ ก็จะยาวมาก คอร์สสอนของผมก็เน้นเรื่องระบบเป็นหลัก

3. วินัย : เราต้องรู้จักการอดทนรอคอย, สัญญาณจากระบบยังไม่มา ก็อย่าเข้า-ออก, ถ้าบังคับใจตัวเองได้ รักษาวินัยดีๆ ผลงานก็อย่างที่เห็นจากพอร์ตจริงผมเลย คือแพ้ชนะไปตามระบบล้วนๆ ไม่แพ้เพราะเรื่องวินัยแย่อีกต่อไป กราฟกำไร ก็จะไม่แกว่งขึ้นลงไปเรื่อย แต่ความชันแทบจะคงที่ (มีฟลุ้คกระโดดบ้างเป็นระยะๆ), ที่กราฟกำไรขึ้นเป็นเส้นตรงได้อีกส่วนหนึ่งเพราะว่า ผมมีเป้าหมายการเทรดประจำวัน, พอได้เป้าหมายแล้วก็จะหยุด เพราะถ้าเราเทรดเรื่อยๆ แช่ในตลาดนานๆ มีโอกาสที่จะเจอภาวะผิดปกติได้ตลอด เช่นกราฟวิ่งแรงสวนทางเรา ฉะนั้นอย่าเสียงโดยไม่จำเป็น ด้วยการเทรดตลอดเวลา, เคยเจอหลายวัน ที่พอเปิดกราฟย้อนหลัง ช่วงที่ไม่ได้เทรด พบว่า ถ้าเราเทรดอยู่ตอนนั้น ท่าทางจะมีปัญหา เพราะกราฟกระชากไปกลับแรงมากเพราะข่าว (ระบบส่วนใหญ่ จะแพ้เรื่องนี้)

จะ เห็นได้ว่า องค์ประกอบทั้ง 3 อย่าง (บริหารความเสี่ยงของทุน, ระบบเทรด, วินัย) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สักอย่าง, ตำราต่างๆ พูดถึงสามอย่างนี้เหมือนกันหมด แม้ว่าอาจจะใช้ชื่อแตกต่างกัน, ถ้าอยากเป็นเทรดเดอร์ที่ชนะตลาด ได้อย่างยั่งยืนแล้ว ต้องตามหา และฝึกฝน 3 สิ่งนี้ให้เชี่ยวชาญ, การบริหารความเสี่ยง และระบบเทรดนั้นพอจะสอนกันได้ แต่ก็ไม่มีโค้ชคนไหนที่จะทำให้นักกีฬาทุกคนเป็นแชมป์ได้ทั้งหมด โค้ชให้ได้แค่ความรู้ ส่วนจะลงมือทำได้หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับตัวนักเรียนอีกทีว่าทุ่มเทฝึกฝนแค่ไหน ซึ่งถ้าฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น จนกล้าทำตามระบบ และความเสี่ยง และเมื่อฝึกซ้ำๆ มากพอ และมีวินัย ก็จะกลายเป็นทักษะ ซึ่งจะทำให้สามารถทำได้ผลที่ดีเรื่อยๆ จนสามารถอยู่รอดในตลาดได้ และตามมาด้วยการชนะตลาดอย่างยั่งยืนนั่นเอง

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/(forex-trader)/?/

แผนการเทรด 3 ปี Admin Thaiforexschool.com

แผนการเทรด  3 ปี  ทำให้ได้ครับ เทรดให้ได้วันละ  10 จุดนั้นไม่ยากหรอกครับ   มันขึ้นอยู่กับว่า คุณมีวินัยและความอดทนได้มากแค่ไหนครับ ต้นๆปี 2015 ถ้าสำเร็จ พวกเรา มาร่วมฉลองความสำเร็จด้วยกันครับ โชคดีครับทุกท่าน



วิธีที่จะเทรดให้ได้กำไรไม่มีให้ครับ หาด้วยตัวเองครับแต่จะมีกฎและข้อบังคับในการเทรดให้ครับ
1. ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้วเข้าเป้า ให้เลิกทันที ( เป้าหมายไม่จำเป็นต้องวันละ 10 จุด อาจจะมากกว่านั้นก็ได้ )
2.ถ้าเปิดออเดอร์แรก แล้ว โดน Stop Loss ให้รอจังหวะและหาโอกาสเปิดออเดอร์ที่ 2
  2.1 ถ้าออเดอร์ที่ 2  โดน Stop Loss ให้หยุดทันที
  2.2 ถ้าออเดอร์ที่ 2 เข้าเป้าให้โอกาสตัวเองอีก 1 ครั้ง ในครั้งที่ 3
หมายเหตุ .. ถ้าออเดอร์ที่ 2 ได้กำไรมากกว่าที่เสียในออเดอร์แรก ก็ให้หยุดทันทีครับ
3. ไม่ว่าออเดอร์ที่ 3 จะเข้าเป้า หรือ โดน Stop Loss ก็ต้องหยุดทันทีครับ

อย่าลืมนะครับ ว่า Volume lot ที่ใช้เทรด ต้องเอา Balance/10000 นะครับ  ผม เชื่อว่าถ้าพวกคุณและผมทำตามกฎนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ชนะตลาดนี้หรอกครับ แต่เราจะมีเงินจากตลาดแห่งนี้ที่คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยง สูง

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/3-admin-thaiforexschool-com/?/

การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น

การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น โดย Barry Lutz
ใน ช่วงที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับนักเล่นหุ้นทุกคนนั้น คือการขาดทุนที่มักจะเกิดขึ้นติดๆกันเป็นระยะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้คือการควบคุมอารมณ์และสติของเราให้มั่นคง เพื่อที่จะรักษาวินัยในการลงทุนเอาไว้ และในวันนี้ผมได้นำวิธีการง่ายๆที่อาจช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และสติของคุณ ได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องเจอกับตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยครับ  

คุณได้ เข้าซื้อหุ้นไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มดิ่งหัวลง หลังจากนั้นคุณจึงตัดสินใจครั้งใหม่ที่จะ Short หุ้น แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เด้งขึ้นทันที นับรวมแล้วก็เป็นอันว่าคุณขาดทุนติดกัน 2 ครั้งเสียแล้ว และมันทำให้คุณรู้สึกค่อนข้างลังเลขใจเล็กน้อย นั่นทำให้คุณรู้สึกแหยงๆที่จะไม่เทรดหุ้นในสัญญาณครั้งต่อไป และเป็นอย่างที่คุณคิดเอาไว้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณได้กำไร! เอาล่ะสมมุติว่ามันแย่กว่านั้นอีก คุณตัดสินใจไล่ซื้อตามมันไป ซึ่งหลังจากที่คุณได้ไล่ซื้อมันไปไม่นานนัก มันก็ดิ่งหัวลงมาและทำให้คุณขาดทุนอีกครั้ง สรุปแล้วในขณะนี้คุณขาดทุนติดกันถึง 3 ครั้งแล้ว..   

คุณอาจคิดว่า “โอเค.. ลองอีกครั้งก็ได้ฟระตรู เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละวุ้ยยยย”

ใน ครั้งนี้ คุณตัดสินใจอย่างฉลาดสุดๆ คุณสังเกตได้ว่าตลาดนั้นวิ่งอยู่กรอบแคบๆ มันจะเด้งขึ้นเมื่อเจอกับแนวรับ และเด้งลงเมื่อเจอกับแนวต้าน ดังนั้นในครั้งต่อไป คุณจึงตัดสินใจที่จะซื้อ-ขายเมื่อมันวิ่งไปชนกับกรอบราคา แทนที่จะเล่นด้วยระบบเดิมๆของคุณ

ต่อมานั้น ตลาดได้วิ่งไปคลอเคลียอยู่แถวแนวรับ ซึ่งมันเข้าทางกับแผนการที่คุณได้วางเอาไว้ คุณจึงตัดสินใจ “ซื้อมันซะเลย” แต่แทนที่มันจะเด้งขึ้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา ราคาของหุ้นกลับดิ่งทะลุแนวรับไปเสียนี่.. และนี่ไม่เพียงทำให้คุณขาดทุนติดๆกันถึง 4 ครั้ง แต่นี่เป็นการขาดทุนจากการที่คุณแหกระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของคุณไป เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นสัญญาณที่หากว่าคุณทำตามระบบไปละก็ กำไรในคราวนี้จะกลบการขาดทุนใน 3 ครั้งที่ผ่านมาทั้งหมดเลยทีเดียว

เอา ล่ะ เมื่อมาถึงตอนนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป.. “เลิกเล่น?” แล้วพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้ตัวเองหลงผิดมาเก็งกำไรครั้งใหม่.. โยนคอมพิวเตอร์ทิ้งไปนอกบ้านซะเลย แล้วลืมๆมันไปซะ… นี่เป็นสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า คุณกำลัง “จิตหลุด” แล้วหละครับ
        
อะไรคือภาวะ “จิตหลุด”
ผม คิดว่าภาวะของอาการ “จิตหลุด” นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณนั้นได้ยอมรับว่า “การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบการลงทุนและการเก็งกำไร” ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่การขาดทุนที่สะสมติดต่อกันนั้น ได้ค่อยๆทำให้คุณสะสมความกดดันจนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณนั้นไม่สามารถที่จะยอม รับมันได้อีกแล้วนั่นเอง ซึ่งภาวะอาการ “จิตหลุด” กะทันหันนี้ ทำให้คุณนั้นหน้ามืดและมองข้ามระบบการลงทุนของคุณไป และถูกแทนที่ด้วยอารมณ์จากผลการซื้อ-ขายในครั้งที่ผ่านๆมานั่นเอง และถึงแม้ว่าการ “เลิกเล่น” นั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่ดูจะเหมาะสมในช่วงเวลาอย่างนี้ แต่อาการ “จิตหลุด” ของคุณนั้น อาจจะทำให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดไปตามอารมณ์ของคุณก็เป็นได้ และมันอาจเป็นไปอย่างนั้นจนถึงจุดๆหนึ่งซึ่งมันหมดหวังเต็มที จนทำให้คุณนั้นไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไปและจำเป็นต้อง “เลิกเล่น” ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม บทความนี้นั้นไม่ได้พยายามที่จะพูดถึงเรื่องของอารมณ์และการเก็งกำไรของคุณ หรือเกี่ยวกับเรื่องของความกลัวซึ่งคอยขัดขวางนักเล่นหุ้นหรืออะไรเทือกๆ นั้น เพราะอย่างที่เรารู้ๆกันว่า อารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องเลิกเก็งกำไรซะ

นี่ เป็นบทความที่เกี่ยวกับการที่โดยปกติแล้วคุณนั้นสามารถที่จะควบคุมอารมณ์และ สติของคุณในการเก็งกำไรได้เป็นอย่างดี แต่แล้วจู่ๆก็กลับมีบางสิ่งบางอย่างมาทำให้นักเล่นหุ้นอย่างเราๆเสียการควบ คุมไป และเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผลจากการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดทุนซึ่งเกิดจากการแหกระบบของนักเล่นหุ้นเองนี่เอง ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิด ขึ้นได้เฉพาะกับนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ หรือนักลงทุนระดับล่างๆ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นกับนักเล่นหุ้นทุกคน ซึ่งไม่ว่าใครก็มีสิทธิที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรไป ทุกอย่างก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และนั่นทำให้เราเกิดการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้งขึ้นมา ดัง นั้น นี่จึงเป็นสถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นได้กับนักเล่นหุ้นทุกคน เพียงแต่ว่านักเล่นหุ้นแต่ละคนแต่ละระดับนั้น จะมีการตอบสนองต่อภาวะเช่นนี้ต่างกันไป

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจอกับภาวะเช่นนี้นักเล่นหุ้น นาย A. อาจจะเกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเกิดอาการ “จิตหลุด” ตามมาทันที ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจของเขาไปและผลที่ตามมาก็คือการขาดทุนที่ มากกว่าที่ได้คาดคิดเอาไว้อย่างมากมาย หรือในอีกทางหนึ่งนั้น นาย B. อาจจะเกิดความรู้สึกอยาก “เอาคืน” และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากเขามั่นใจว่ายังไงซะ การเก็งกำไรครั้งต่อไปของเขาจะสามารถทำให้เขากลับมาเท่าทุนเหมือนเดิมได้ แต่แล้วอาการ “จิตหลุด” นี้ก็ยังดังเนินต่อไปพร้อมกับการขาดทุนของเขา และทำให้เขาต้องสูญเสียเงินไปมากกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้แต่แรก.. แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างนาย C. ล่ะ เขาทำอย่างไรกับภาวะเช่นนี้?
        
การควบคุมภาวะของอาการ “จิตหลุด” ในการเล่นหุ้น
เมื่อคุณลองคิดไตร่ตรองดูให้ดี คุณจะพบว่า “ทุก ครั้งที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณได้เกิดขึ้นและคุณสุญเสียการควบคุมสติของคุณไป นั่นจะยิ่งทำให้อาการ “จิตหลุด” ในครั้งต่อไปของคุณเกิดขึ้นเร็วยิ่งกว่าเดิม” นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่งที่การเล่นหุ้นกลายเป็นสิ่งที่เจ็บปวดเกินกว่าที่คุณจะทนไหว ซึ่งทำให้คุณไม่อยากเล่นหุ้นอีกต่อไปนั่นเอง

เมื่อลองคิดและไตร่ตรองดูให้ดีอีกครั้ง คุณจะพบว่า “มันเป็นการดีกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ในการเล่นหุ้นของคุณ แทนที่คุณจะตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไป” เนื่องจากการเลิกเล่นหุ้นเก็งกำไรนั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะมันไม่ได้ช่วยป้องกันให้คุณไม่คิดที่จะกลับมาลองเก็งกำไรหรือเล่นหุ้น รอบใหม่อีกครั้ง และไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเมื่อคุณต้องเจอกับภาวะขาดทุนติดๆกันอีกครั้ง

ใน การที่จะควบคุมสติของคุณให้ได้ ก่อนที่คุณจะเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั้น คือการเอาชนะจิตใจและตัวตนข้างในของคุณให้ได้เสียก่อน คุณต้องทำมันและพาตัวเองกลับมาเดินอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง แล้วคุณจะได้กำไรชีวิตจากสิ่งที่คุณทำอย่างคาดไม่ถึง เพราะคุณจะรู้ว่าถึงแม้คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่โหดร้าย แต่คุณก็จะมั่นใจในตนเองว่าคุณจะข้ามผ่านมันไปได้ และสามารถควบคุมสติของคุณเอาไว้ได้จนไม่ต้องเกิดการขาดทุนที่มากมายอีกครั้ง

วิธี การง่ายๆที่จะช่วยคุณได้ คือให้คุณลองนำสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นหลักหรือแก่นในการเก็งกำไรของคุณ มาเขียนลงในกระดาษโน้ทเล็กๆแปะไว้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้คุณระลึกและตระหนักถึงมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ในจิตสำนึกของคุณอยู่ตลอดเวลา แทนที่มันจะไปฝังอยู่ในจิตไต้สำนึกของคุณจนลึกเกินไปนั่นเอง แต่จงระวังไว้ว่าทุกๆครั้งที่คุณได้เขียนโน้ทเอาไว้นั้น ขอให้แน่ใจว่าคุณกำลังเขียนแนวคิดลงไป ไม่ใช่วิธีการ จงอย่ายึดติดกับ”วิธีการ” จนเป็นการทำให้ปัญหาของคุณนั้นย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม

ยก ตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณนั้นพลุ่งพล่านจากการที่คุณได้เกิดการขาด ทุนติดๆกัน ภายในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไว้อยู่ในกรอบแคบๆดู แล้วลองเขียนโน้ทลงไปในลักษณะคำพูดแบบนี้ครับ

“อารมณ์บ้าๆนี้อาจจะมา จากการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วของเรา และการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วนี้อาจมาจากการที่เราพยายามเล่นหุ้นในช่วง เวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆนี้ก็ได้ หรือเราอาจกำลังเล่นหุ้นบ่อยเกินไปก็ได้ และไม่มีอะไรที่ได้ผิดพลาดไปในระบบของเราหรอก ตราบใดที่เรายังเล่นหุ้นได้ตามระบบของเราอยู่ ทุกอย่างก็ยังคงปกติและเราก็ยังเล่นหุ้นได้ดีอยู่เหมือนเดิม”

เอาล่ะ หรือไม่คุณอาจลองเปลี่ยนเป็นประโยคอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งเขียนออกมาในสถานการณ์เดียวกันดู

“อย่า เป็นไอ้โง่ที่เล่นหุ้นโง่ๆบ่อยเกินไปสิฟะ! เหมือนกับว่ากลัวที่จะขาดทุนในวันนี้เสียเหลือเกิน อย่าทำเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา ไม่งั้นเรื่องแบบนี้มันก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะเล่นหุ้นเกินไปถ้ายังคิดจะเล่นในหุ้นแบบเดิมๆ อีก”
        
จงรักษา “สติ” ของคุณเอาไว้
“รักษาสติเอาไว้” คือประโยคต่อไปในกระดาษโน้ทของคุณ
อีก วิธีหนึ่งซึ่งคุณสามารถทำได้นั้น คือโดยการเขียนโน้ทซึ่งคุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณจะเกิดขึ้นนั้น ได้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หายใจเร็วขึ้น, เหงื่อออกเยอะ, บิดตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ หรืออาการนั่งไม่ลง และหลังจากที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณเริ่มรุนแรงขึ้น เช่น โวยวาย, ขว้างปาสิ่งของ หรือทำลายข้าวของ จนในที่สุดเมื่อคุณเกิดเอาการ “จิตหลุด” แบบเต็มขั้นหรือการตื่นตระหนกอย่างสุดขีด

แน่นอนว่ามันคงจะมีลิสท์ รายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวเหยียดเลยทีเดียว แต่การที่คุณสามารถที่จะตระหนักถึงมันได้เมื่อมันเกิดขึ้นมานั้น อาจช่วยให้คุณเริ่มที่จะสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณแทนนั่นเอง
        
คอยตระหนักอยู่ตลอดเวลา
คุณ ควรต้องรู้ถึงสิ่งที่มีศักย์ภาพที่จะก่อให้เกิดอาการ “จิตหลุด” ของคุณ มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการที่คุณจะยอมรับว่าตัวของคุณนั้นมี “อารมณ์” ข้องเกี่ยวอยู่เสมอ และจงอย่าพยายามที่จะมองข้ามมันไป หรือพยายามเก็บมันซ่อนเอาไว้เพราะคุณมองว่ามันคือสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอ ของคุณ เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

คุณ เป็นมนุษย์! มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์ และอารมณ์จะเข้มข้นขึ้นเมื่อสถานการณ์ต่างๆนั้นเริ่มบีบคั้นขึ้นมา ดังนั้น คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณ “จิตหลุด” และสูญเสียการควบคุณขึ้นมา แต่คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ หรือจำให้ได้ว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้อาการ “จิตหลุด” นั้นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่จะช่วยให้คุณมี “สติ” อยู่เท่าที่คุณจะสามารถทำได้ ในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะช่วยให้คุณ “กลับมา” มีสติขึ้นอีกครั้ง
        
แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้นทำอะไรบ้าง?
นัก เล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้น คือนักเล่นหุ้นที่สามารถที่จะควบคุม ”สติ” ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน และมี “สติ” อยู่ในทุกๆเวลา การมี “สติ” นั้นเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการณ์ “จิตหลุด “ ในการเล่นหุ้นขึ้นมา นักเล่นหุ้นที่ดีนั้นสามารถที่จะประเมิณการขาดทุนของเขาในรูปแบบของการเกิด ขึ้นตามธรรมดาของระบบการลงทุน และนักเล่นหุ้นที่ดีนั้นจะสามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดีของเขาได้ไม่ว่าจะ ต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใด และถึงแม้พวกเขาจะเกิดการขาดทุนขึ้นมา พวกเขาก็จะเข้าใจว่ามันต้องเกิดขึ้น พวกเขายอมรับกับ “ความน่าจะเป็น” ที่มันจะต้องเกิดขึ้น และทำตามระบบต่อไป ซึ่งการซื้อ-ขายครั้งต่อไปนั้นอาจจะทำกำไรให้พวกเขาก็ได้

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/t579/?/