RSS
Showing posts with label การเรียนรู้. Show all posts
Showing posts with label การเรียนรู้. Show all posts

สิ่งที่จำเป็นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

สิ่งที่จำเป็นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical analysis)

สิ่งจำเป็นสำหรับนักวิเคราะห์ทางเทคนิคมีอยู่ด้วยกันหลักๆ อยู่ 4 ข้อ

1. เรียนรู้และฝึกฝน (lean and practice)
2. หยุดขาดทุน (Cut loss)
3. ปกป้องกำไร (protect your profit)
4. มีระเบียบวินัยในการลงทุน (investment discipline)

1. เรียนรู้และฝึกฝน (lean and practice)

การเรียนรู้และฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก็ว่าได้นะครับ
เพราะการลงทุนไม่ใช่ความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงอยู่ที่ความรู้ของนักลงทุน

มีความรู้มากก็เสี่ยงน้อย
มีความรู้น้อยก็เสี่ยงมาก

และการฝึกฝนต้องมาควบคู่กับการเรียนรู้
เพราะเมื่อเรียนรู้แล้วต้องลงมือปฏิบัติในตลาดจริง จะได้รู้ถึงวิธีการประยุกต์เข้าสู่ตลาดจริง

ตัวอย่างเช่น ท่านมีปืนหนึ่งกระบอก ท่านได้ทำการเรียนรู้ว่าปืนนี้ยิงยังไง ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
แต่ท่านไม่เคยมาลองยิงจริงเลย ถามว่าท่านจะยิ่งแม่นขึ้นไหม??
คำตอบก็คือ ไม่เลยยยย

การเรียนรู้ทางเทคนิคก็เหมือนกันท่านมัวแต่ศึกษาตามตำราอย่างเดียวก็ไม่ได้ท่านต้องฝึกฝนในตลาดจริงด้วย
เพราะบทเรียนใน ตลาดบางเรื่องจำเป็นกว่าบทเรียนในตำราบางเรื่องอีก...

"การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ได้บอกว่าคุณจะยิงเข้าเป้าเสมอไป แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะทำให้คุณยิงเข้าเป้ามากขึ้นเท่านั้นเอง"

2. หยุดขาดทุน (Cut loss)

Cut loss ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลยทีเดียวสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
เพราะการ Cut loss จะเป็นตัวช่วยให้เราไม่ขาดทุนมากจนเกินไป
แต่การ Cut loss เป็นการทำอะไรที่ค่อนข้างทำใจยากในคนบางกลุ่ม
เพราะชอบคิดไปว่า...ตัวอย่างเช่น เข้าไปในตลาด กดคำสั่ง Buy EUR/USD ไว้
เมื่อค่าของ EUR/USD ลดลง ก็ชอบหลอกตัวเองว่าเดี่ยวกราฟก็คงขึ้น
หลังจากนั้น....กราฟก็ค่อยๆลงไปเรื่อยๆๆ เรื่อยๆ อยู่แบบนั้นจนเงินที่หน้าตักหมด
ทำให้ล้างพอร์ตไปตามๆกัน

วิธีการแก้ไขที่ดีคือ ... เมื่อเราเข้าไปในตลาดแล้วมองว่ากราฟมันจะขึ้นเลยกดคำสั่ง Buy ไว้
แต่ พอกราฟมันมาผิดทางกับที่เราคำนวณไว้ ก็กด Cut loss แทนที่จะปล่อยให้มันลากยาวหรือภาวนารอให้มันขึ้น ก็ตัดมันทิ้งซะ ! "เนื้อร้ายต้องตัดออก"
แล้วออกมาดูแนวโน้มใหม่และพิจารณาว่า เมื่อกี้เราใทำอะไรผิดพลาดไป
เมื่อเรามั่นใจแล้วว่า "เมื่อกี้เราคำนวณผิดนะ จริงๆแล้วกราฟมันจะลง" ก็ Sell ไว้
เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถเอาชนะตลาดได้ง่ายๆ

3. ปกป้องกำไร (protect your profit)

การปกป้องกำไรถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างถือว่าสำคัญเลยทีเดียวเพราะเป็นการรักษากำไรของเรา
ไม่ใช่แบบว่า ราคาขึ้นไปสูงจนทำให้มีกำไรแต่ไม่กล้าขายเพราะคิดว่าราคานั้นจะสูงกว่านี้
แต่พอเวลาผ่านไปราคากลับปรับลงเรื่อยๆจนทำให้ขาดทุนจึงทำการ Cut loss ไป
ทำให้เราขาดกำไรในส่วนที่เราควรจะได้มา

พูดมาหลายคนอาจจะ งง ผมเลยขอยกตัวอย่างให้ดูนะครับ

นาย ก ซื้อ หุ้นมาที่ราคาหุ้นละ 30 บาท ผ่านไป 10 วัน หุ้นมีราคา หุ้นละ 40 บาท
แต่นาย ก คิดว่าราคาน่าจะขึ้นไปได้เยอะกว่านี้นาย ก ก็เลยทำการปกป้องกำไร
โดยถ้าราคาหุ้นตัวนี้ลงมาต่ำกว่า 38 บาท นาย ก จะทำการขาย
แต่พอเวลาผ่านไป หุ้นตัวนี้ไม่มีการปรับราคาขึ้น แต่ดันปรับตัวลง และก็ลง
ลงเรื่อยๆ จนราคามาถึง หุ้นละ 20 บาท

เห็นไหมล่ะครับ นาย ก ได้ทำการปกป้องกำไรส่วนของเขาไว้
ถ้านายก็ไม่ทำการปกป้องกำไรส่วนนี้ไว้ เขาก็อาจจะขาดทุนก็ได้...

4. มีระเบียบวินัยในการลงทุน (investment discipline)

ระเบียบถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ถือว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 99.9999% ทำกัน
ก็คือ มีระเบียบและวินัยในการลงทุน

เพราะการมีระเบียบและวินัยจะทำให้คุณปฏิบัติตามระบบของคุณ
หลายคนอาจยังไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าไหร่นักเพราะคิดว่า อยากเข้าเมื่อไหร่ก็เข้า
อยากเข้าเมื่อไหร่ก็เข้านี้มันเป็นระบบของ "นักพนัน" นะครับ
นักลงทุนเขาจะต้องมีการวางแผนก่อนเข้า หาจังหวะเข้าที่ดี หาจังหวะออกที่ดีและหาวิธีการหนีที่ดีด้วย

เมื่อมีแนวโน้มออกมาไม่ชัดก็ไม่เข้า เมื่อระบบบอกว่า Cut loss ก็ต้องทำ
ทำตามกฎที่ตัวเองตั้งไว้อย่าง อดทน และหนักแน่น
แล้วจะทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จครับ...

ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/t543/?/

Rudy Leder เทรดเดอร์ค่าเงินชาวอเมริกัน

Rudy Leder เทรดเดอร์ค่าเงินชาวอเมริกัน เรื่องราวความเป็นมาของเขาไม่ได้มีอะไรแปลกพิศดาร จุดเริ่มต้นของเขาไม่ได้ต่างไปจากเทรดเดอร์หลายๆคนที่เข้าสู่วงการเทรด เริ่มแรกเขาเพียงต้องการหางานอิสระให้กับตัวเอง เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานประจำที่ต้องทำมากกว่า 60 ชั่วโมงต่ออาทิตย์เพื่อทำให้คนอื่น (นายจ้าง) รวย ซึ่งถ้าเขาอยากได้เงินเพิ่มเขาก็ต้องทำโอที แต่นั่นก็ไม่ทำให้ตำแหน่งของเขาปรับขึ้น งานของเขา มันเป็นงานที่คนอื่นๆเรียกมันว่า "งานที่ไร้อนาคต" ตอนนั้นเขายังเด็กและไม่ได้มีเงินเก็บเลย แต่เขามีบางอย่างที่หลายคนไม่มี เขามีความกล้าที่จะออกไปจากสถานการณ์แบบนั้น พร้อมด้วยแรงผลักดันอันแรงกล้าจากภายใน และเนื่องจากเขามีความหลงใหลในตลาดเงินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงรู้ทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น


ใน ช่วงแรก เขาเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับความพยายามคิดหาหนทางที่จะเอาชนะตลาดให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เขาพยายามอยู่นั้นมันไม่ต่างอะไรกับการไม่ได้ทำอะไรเลย!!!

หลัง จากนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านทุกสิ่่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน ทั้งจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต มันมีสิ่งที่ต้องอ่านมากมายจริงๆ ทั้งหมดที่เขาทำ เขานั่งศึกษาและเรียนรู้มันอยู่ที่บ้านของเขา ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องมีต้นทุน มันเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำได้ "ผมตื่นเต้นมากจริงๆ ในตอนนั้น ผมจึงลองเปิดบัญชี Demo และโหลดโปรแกรม MT4 มาเทรด โดยผมดูวิธีเทรดจาก  YouTube เป็นส่วนใหญ่"  หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็เทรดค่าเงินเป็นอาชีพมาตลอดเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ในช่วงแรก เขาไปลงเรียนกับอาจารย์สอนเทรดหลายๆคน พอเรียนจบกับคนนี้ก็ไปเรียนต่อกับคนนั้น ไปเรื่อยๆ  จนในที่สุดเขาก็เริ่มคิดได้ว่า จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องช่วยเหลือตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะทุกคนมีมุมมอง วิธีคิดหรือปรัชญาในการมองตลาดที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณจำเป็นต้องค้นหาวิธีเทรดด้วยตัวของคุณเอง คนที่ช่วยสอนเทรดส่วนใหญ่จะให้คุณได้มากในเรื่องของ basic เกี่ยวกับตลาดค่าเงิน และทำให้คุณเข้าใจภาพรวมของตลาดรวมถึงปัจจัยที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จใน การเป็นเทรดเดอร์ แต่สุดท้ายแล้ว คุณจะเทรดอย่างไร คุณต้องหามันเอง!!!!!!

"แต่ อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าอาจารย์สอนเทรดเก่งๆ ก็มีอยู่บ้าง แม้จากประสบการณ์โดยตรงของผมที่เป็นทั้งผู้เข้าเรียนและผู้สอน ผมรู้สึกว่าคนที่เข้าเรียนได้รับประโยชน์จากการอบรมเพื่อจะเป็นเทรดเดอร์ อิสระไม่มากนัก สถาบันอบรมเหล่านี้ จะแสดงผลกำไรให้คุณเห็นว่าเขาสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นรายวัน รายสัปดาห์ที่เหลือเชื่อ จนคุณอดใจไม่ไหวต้องจ่ายเงินค่าเรียนเทรดให้พวกเขาจำนวนมาก ในความเห็นของผมโดยสัตย์จริง ผมมองว่าถ้าผู้สอนเหล่านี้รู้จริงเกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน และสามารถบอกผู้เรียนได้ถึงอุปสรรคต่างๆ ในการเทรดได้อย่างครบถ้วน ก็น่าจะมีคนที่ประสบความสำเร็จในการเทรดมากกว่านี้"

คุณคิดว่าในการสอนของผู้สอนเทรดส่วนใหญ่ ขาดอะไรไปบ้าง"
อืม ผมเชื่อว่าผู้สอนเทรดเหล่านั้น รู้สึกว่าเขาควรจะต้องสอนทุกอย่างให้แก่นักเรียนของเขามากที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นได้ข้อมูลคุ้มค่ากับค่าเล่าเรียน แต่สุดท้ายผู้สอนมักจะให้บทเรียนที่มากเกินไปจนนักเรียนของเขาไม่สามารถรู้ อะไรได้อย่างถ่องแท้เลยสักอย่าง" เวลาที่เรียนอะไรก็ตามเกี่ยวกับวิธีหรือหลักการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จใน การเทรดนั้น คุณไม่ได้ต้องการน้ำน้ำหรอก สิ่งที่คุณต้องการคือเนื้อแท้หรือแก่นจริงๆ ที่จะได้ใช้ในการเทรดเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว อะไรก็ตามที่อาจารย์พยายามจะยัดเยียดให้ คุณไม่เคยได้ใช้มันหรอก คุณต้องจำไว้ว่า "น้อยดีกว่ามาก" แต่คุณต้องรู้ไอ้ที่น้อยๆ นั้นอย่างลึกซึ่ง นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด

ถ้าคุณยัง นึกภาพไม่ออกเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อ ขอให้คุณจินตนาการว่า ด้วยเงิน $19.99 ระหว่างการกินไก่ KFC 20 ชิ้น กับ การกิน 3 ชิ้น ในข้อแม้ว่าคุณต้องกินให้หมดเท่านั้น อันไหนมันดีกว่ากันสำหรับคุณ???

คิดยังไงเกี่ยวกับ EA
"Expert Advisors หรือ EA จริงๆ ผมก็ว่ามันดีนะ มันสามารถช่วยให้งานของเราง่ายขึ้น ทำให้เราใช้เวลาอยู่หน้าจอน้อยลง  แต่ผมไม่ชอบเลย พวกที่มาขายระบบเทรด หรือ EA ผ่านเมล์หรือเว็บไซต์ต่างๆ แล้วบอกว่ามันสามารถทำเงินได้ 5% ต่อเดือน "Only $259 Get it now " มันตลกไหม ถ้าคุณมี EA ที่สามารถทำเงินให้คุณได้ 5% ทุกเดือน ทำไมคุณจะขายมันแค่ $259 ล่ะ จริงไหม

โดยส่วนตัว ผมชอบที่จะเปิด order ด้วยตัวเองมากกว่า แต่อาจเอา EA เข้ามาช่วยในบางครั้งเพื่อติดตามผลการเทรด สำหรับผม EA มันใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร

หลักการคิดเกี่ยวกับการใช้ EA ก็คือคุณสามารถจำกัดการใช้เวลาในการทำสิ่งที่คุณรักซึ่งก็คือการเทรดน้อยลง มันบ้ามากใช่ไหม ถ้างั้นแล้วเวลาว่าง คุณจะทำอะไรล่ะ ^^  

ระบบเทรดและ Time Frame ที่ใช้
ระบบ เทรดที่ผมใช้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยทั่วไปก็คือขนาดของพอร์ต margin ,leverage และเป้าหมายของผม แต่ในแผนของผม ผมจะเลือกวิธีเทรดแค่หนึ่งถึงสองวิธีเท่านั้น ผมจะไม่พยายามเทรดด้วยหลายๆ ระบบในหนึ่งบัญชี เพราะคุณจำเป็นต้องใช้สมาธิกับระบบหนึ่งระบบใดเท่านั้น ผมรู้ว่ามีเทรดเดอร์หลายคนอาจบอกคุณว่าพวกเขาเทรดโดยใช้ Fibonacci retracements, ดู pivots และใช้แนวรับแนวต้านเป็นรายวันเพื่อหาจังหวะเข้าเทรด นั่นอาจทำให้คุณต้องใช้ยานอนหลับเพราะโรคนอนไม่หลับ ผมชอบที่จะใช้ time frame ใหญ่หน่อย เพื่อที่จะมองทิศทางว่าคู่เงินนั้นๆจะไปทางไหนในหนึ่งถึงสามเดือนข้างหน้า ความเข้าใจนิสัยและพฤติกรรมของค่าเงินหนึ่งคู่นั้นมันคล้ายๆกับการที่คุณ เข้าใจแฟนของคุณ และคุณต้องมีแฟนได้ทีละคน อย่ามีทีละเป็นสิบคน เพราะการจะเข้าใจใครซักคนนั้นมันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

หลังจากผมได้ทิศทางของตลาดแล้ว ผมจึงจะลดขนาดมุมมองไปดูที่ time frame ที่เล็กลง แต่โดยทั่วไปผมจะไม่ใช้ TF ที่เล็กกว่า 30 นาที

คนประเภทไหนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์
ผม เชื่อว่าทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ได้ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่รูปแบบ ความเป็นมาหรือพื้นฐานเฉพาะของใครบางคน ผมคิดว่าคนจำนวนมากพยายามจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นข้ออ้างให้กับตัวเอง ผมพูดเสมอว่า "ถ้าคุณเชื่อว่าคุณทำได้คุณก็จะทำได้"  สำหรับคำแนะนำของผมสำหรับมือใหม่ ก็คือ อย่าพยายามเรียนรู้ที่จะเทรดค่าเงิน option ,future หรือแม้แต่หุ้น แค่เพราะว่าคุณเห็นคนอื่นกำลังทำเงินจากมันได้เป็นจำนวนมาก แต่จงทำมันเพราะคุณรักในการเทรด และคุณชอบที่จะอ่านข่าว รวมถึงวิเคราะห์ชาร์ต

นอกเหนือจ่ากการเทรดแล้ว คุณทำอะไรบ้าง
ผม พยายามออกกำลังกาย ทำอาหาร อ่านหนังสือบ้าง และแน่นอนบางวันผมก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่ผมก็ยังสนุกกับการทำ back test ในเวลว่างด้วยเช่นกัน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/rudy-leder/?/