RSS

เคล็ดวิชาไร้พ่าย

เดิมที จักรวาลนั้นว่างเปล่า อู๋จี๋ (Ou Chi) "หุ้นตัวนั้นยังไม่มีใครสนใจ" ต่อมาจึงมีสิ่งที่ตามมาภายหลังความว่างเปล่าเรียกว่า ไท่จี๋ (Tai Chi) "หุ้นตัวนั้นเริ่มมีคนสนใจแต่ยังไม่ไปใหน แรงซื้อ=แรงขาย" แล้วจึงเกิดการแบ่งแยกเป็นหยิน หยิน (YIN) และ หยาง (YANG) "แสดงทิศทางว่าขึ้นหรือลง แรงขายไม่เท่ากับแรงซื้อ" เป็นขั้วซึ่งกำหนดขอบเขตของวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลง เมื่อขั้วหนึ่งถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับอีกขั้วหนึ่ง จะเป็นเช่นนี้เสมอไป ที่สุดของภาวะหมีคือภาวะกระทิง ที่สุดของภาวะกระทิงก็คือภาวะหมี ในภาวะหมีมีภาวะกระทิง ในภาวะกระทิงมีภาวะหมี ที่สุดของแรงซื้อก็คือแรงขาย ที่สุดของแรงขายก็คือแรงซื้อ ในแรงซื้อมีแรงขาย ในแรงขายมีแรงซื้อ การดำรงอยู่อย่างเป็นสุขต้องทำตนให้สอดคล้องกับจักรวาล คือหลักสมดุลแห่งหยินหยาง การเล่นหุ้นได้ กำไรและมีความสุข ต้องเข้าออกอย่างสอดคล้องกับแรงขายและแรงซื้อของรายใหญ่ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนใหว ใช้ความอ่อนพิชิตความแข็ง ใช้ความช้าพิชิตความเร็ว นิ่มอ่อน ผ่อนคลาย ลีลาเชื่องช้า มั่นคง พร้อมดูดซับพลังปรปักษ์แล้วโต้กลับได้ทุกเมื่อ ที่สุดของหยินก็คือหยางอันกล้าแข็งอย่างยิ่ง นี่คือหลักการใช้หยินพิชิตหยางในคัมภีร์เก้าอิมที่อาจนำเอามาใช้ในการเอาชนะ ตลาดหุ้นได้โดยไม่ยาก ทำตัวเป็นเหาฉลามแล้วจะเล่นหุ้นได้กำไรไม่ค่อยขาดทุน ทำตัวเป็นนักเลงหุ้นอาจต้องขาดทุนไม่ค่อยได้กำไร

การ ทุบหุ้นของรายใหญ่ ผู้ที่เสียหายเยอะสุดสุดก็คือรายใหญ่และผู้ถือหุ้นใหญ่กับเจ้าของบริษัท ดังนั้นจึง ควรใช้หลักวิชาของมวยไท้เก็ก อันว่าด้วยการอ่อนตามและเกาะติด แล้วจึงโต้กลับด้วกระบวนท่าอันไร้กระบวนท่า ไร้กำลังแต่เปี่ยมด้วยแรง ไร้สภาวะแต่ดำรงอยู่ หยิน-หยางไม่ปรากฏ พร้อมเข้าตีปรปักษ์ได้ทุกเมื่อ อย่างไร้ตัวตน โดยอาศัยแรงของปรปักษ์ในการทำร้ายปรปักษ์

ไร้กระบวนท่าจึงเป็นสุดยอดกระบวนท่า
ไร้กำลังจึงมีแรง
ไร้ตัวตนจึงไร้พ่าย

ธรรมดาทั่วไปแล้ว
ผู้มีกำลังมากย่อมชนะผู้มีกำลังน้อย
ผู้ที่ว่องไวย่อมชนะผู้ที่เชื่องช้า
แต่...
ด้วยหลักอ่อนหยุ่นพิชิตแกร่งกร้าว(สี่ตำลึงเหวี่ยงฟาดพันชั่ง)
นิ่งสงบสยบความเคลื่อนใหว
ลงมือทีหลังแต่ถึงก่อน
ดังนี้...
ผู้มีกำลังน้อยย่อมชนะผู้มีกำลังมาก
ผู้ที่เชื่องช้าย่อมชนะผู้ที่ว่องไวได้โดยง่ายดาย
อย่าซื้อหุ้นในขณะที่แรงขายยังไม่หมด
รอให้แรงขายหมดแล้วจึงค่อยเข้าซื้อ
เมื่อไม่มีผู้รอซื้อรายใหญ่ย่อมซื้อกลับคืนรายย่อยจึงมีกำไร

รู้จักผู้อื่น --> เป็นความฉลาด
รู้จักตัวเอง --> เป็นการรู้แจ้ง
ควบคุมผู้อื่น --> ใช้กำลัง
ควบคุมตัวเอง --> ใช้ความเข้มแข็ง
คนที่รู้จักพอ -->เป็นคนร่ำรวย
ความบากบั่น --> เป็นเครื่องหมายของพลังจิต
มนุษย์ไปได้ไกล --> เท่าที่เขามีความอดทน
การตาย -->โดยไม่สูญสิ้น --> เป็นการอยู่ชั่วนิรันดร์

ตำราทั่วไปมัก แบ่งแยกหุ้นดีกับหุ้นไม่ดี
แต่สำหรับข้า หาได้แบ่งแยกเช่นนั้นไม่
ข้ารู้จักแต่ หุ้นวิ่งกับหุ้นไม่วิ่งเท่านั้น
เพื่อการได้กำไรมากสุดในเวลาอันสั้นสุด
แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมายด้วย
ข้ารู้ว่าเมื่อใดมันจะวิ่งเมื่อใดมันจะหยุดวิ่ง
และเมื่อใดมันจะวิ่งต่อ ด้วยการศึกษานิสัยของมัน

...เกมส์ ของความกลัวและความอยาก... ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว... อย่ามองเพียง ด้านเดียวจงมองให้รอบด้าน... เก็บเกี่ยวข้อมูลให้มากแต่จงตัดสินใจเอง...
ผิดพลาดไม่ต้องโทษใครให้เสียกำลังใจจงแก้ตัวใหม่อย่าท้อถอย... ความสำเร็จรอคอยพวกเราอยู่แล้วข้างหน้า...

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/t539/?/

ทำกำไรในตลาด forex ได้อย่างไร

ทำกำไรในตลาด forex ได้อย่างไร...??

....ในตลาด forex นั้นเราจะทำการซื้อ คู่เงินนั้นเองโดยคาดหวังว่าราคาเปลี่ยนแปลงไป
หมายความว่า สกุลเงินที่ซื้อมาต้องมีมูลค่าเพิ่มเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินหนึ่งที่ขายไป

ตัวอย่างเช่น

วิธีอ่านค่า FX Quote
ค่าเงินจะวางเป็นคู่ๆเสมอไป เช่น EUR/USD , USD/JPY เป็นต้น
เพราะในตลาดการเงินนี้เราจะทำการซื้อค่าเงินตัวหนึ่งไป ในขณะเดียวกันเราก็ขายค่าเงินหนึ่งออกไป

ค่าตัวหน้าคืออะไร?? ค่าตัวหลังคืออะไร?? เขาอ่านกันว่าอย่างไรหรอ?? .....
ในบทนี้ผมจะมาเผยข้อสงสัยเหล่านี้ครับ

ผมจะยกค่าเงิน EUR/USD = 1.28 มาเป็นตัวอย่างนะครับ
เราจะอ่านค่าเงิน ตัวแรก (ค่าเงิน EUR) ว่า Base currency
เราจะอ่าค่าเงิน ตัวที่สอง (ค่าเงิน USD) ว่า Quote currency

เมื่อเราทำการซื้อ อัตราแลกเปลี่ยนจะบอกเราว่าเราจะต้องจ่าย Quote currency เท่าไหร่
เพื่อที่จะซื้อ Base currency 1 หน่วย
( EUR/USD = 1.28 ตามตัวอย่างข้างบน อัตราแลกเปลี่ยนคือ 1.28 )

เราจะเข้าซื้อเมื่อเราคาดว่า Base currency จะแพงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับ  Quote currency
เราจะขายเมื่อเราคาดว่า Base currency จะถูกลง เมื่อเปรียบเทียบกับ Quote currency

** หลักของตลาดเงินคือ สมุติว่าเรากำลังเข้าซื้อ Base currency  แสดงว่าในขณะเดียวกัน เรากำลังทำการขาย Quote currency

Long/Shot

จำไว้นะครับว่า Long = Buy , Shot = Sell
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือว่า...
Long คือการทำกำไรขาขึ้น
Shot คือการทำกำไรขาลง

Bid/Ask spread

ทุกค่าเงินจะมีค่า Bid และ Ask
Bid คือ ราคาที่คุณจะขาย ( Sell )
Ask คือ ราคาที่คุณจะซื้อ ( Buy )
จงจำไว้ว่า Bid จะต่ำกว่า Ask เสมอ
ส่วนคำว่า Spread  คือ ส่วนต่างระหว่าง Bid กับ Ask
 
 
ศึกษาข้อมูลได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/forex-541/?/

วิธีการกินของตลาดค่าเงิน Forex กับวิธีการกินของหุ้นที่มีเจ้า ไม่ได้แตกต่างกันหรอก ไม่เชื่ออ่า

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง คุณกำลังเข้าซื้อที่ราคานี้....แล้วใครขายให้คุณ
ตลาด forex เป็น ตลาด zero sum หมายความว่าเมื่อรวมผลลัพท์ของผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ก็จะได้เป็น 0 หรือให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อมีคนนึงได้ ย่อมมีอีกคนนึงเสีย และเมื่อเราเสียจะมีอีกคนนึงที่ยิ้มรับกำไรที่ได้จากเราไป

มาดู "ผู้เล่น" และบทบาทต่างๆดีกว่า
1. Market Maker ก็คือผู้จัดการตลาด เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับ forex แล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น MM ก็น่าจะเป็น Big Bank ที่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินสกุลนั้นๆ อีกทั้งเป็นผู้ที่ตั้งอัตราและเปลี่ยน เพราะว่า MM นั้นสามารถมองเห็นปริมาณ Order ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ เช่น เมื่อ MM เห็น order ฝั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่มี order ฝั่งขายน้อย MM ก็จะขยับราคาขึ้นเพื่อยับยั้งผู้ซื้อรายใหม่ และจูงใจให้เกิดการขาย

2. Smart Money พวกนี้คือกองทุนสถาบันการเงิน และธนาคาร ที่เข้ามาแสวงหากำไร พวกนี้มีเงินถุงเงินถัง และต้องการกำไรที่มั่นคง เค้าจะกระจายความเสี่ยงตามหลักการลงทุน ทั้งเล่นสั้นทั้งเล่นยาว เนื่องจากมีเงินจำนวนมาก ทำให้ SM สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

3. Mass คือนักลงทุนรายย่อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ แมงเม่านั่นเอง กลุ่มนี้มีเป็นจำนวนมาก เข้ามาในตลาดเพื่อหวังได้กำไร แต่มักขาดทุนตลอด ดูใกล้ๆ ตัวก็ได้ กี่คนที่เข้ามาในตลาดแล้วมีแต่เสียกับเสีย

แล้วทำไม mass ถึงเสียตลอด และทำไม sm ถึงได้เสมอ ต้องมาดูกระบวนการทำงานของ sm กัน

sm จะทำอยู่ 4 อย่าง
1. Accumulation
2. Markup
3. Distribution
4. Mark Down


Accumulation
เมื่อ sm ดูราคาแล้วคิดว่าเหมาะสมที่จะเริ่มซื้อ (ตลาดมักเป็นขาลงอยู่) และคิดเปลี่ยนทิศทางของตลาด ในขณะนั้นมักจะมี supply เป็นจำนวนมาก และราคาถูก เพราะ mass เทขายออกมาเป็นจำนวนมาก และยังคิดจะขายอีก เหมือนกับเมื่อเราเห็นแท่งดำๆวิ่งลงยาวๆ เราจะอยู่ไม่สุข อยากเข้า อยากชอต ไม่อยากตกรถ ยิ่งเห็นมันทำท่าจะลงอีก ก็ทนไม่ไหว sm ก็ได้โอกาสซื้อ ล่อให้massจำนวนมากที่สุด เปิด short order ให้มากที่สุด จับคู่กับ long order ของ sm โดยจะแสดงให้เห็นในรูปของ sideway โดยหากดูที่ time frame ใหญ่ขึ้น อาจจะเห็นเป็น แท่งสั้นๆ หรือโดจิ ที่มี volume สูงมาก จากนั้นsm ก็ยกราคาขึ้นเล็กน้อยด้วยการ buy lot ใหญ่ๆ เพื่อ lock แมงเม่าผู้โชคร้าย กลุ่มนี้เอาไว้ โดยใช้จิตวิทยาว่า ไม่มีใครอยากปิด position ตอนมันแดงๆ ขาดทุนหรอก แล้วก็ทำการกวาด supply ที่เหลือในตลาดให้หมด ใน forex supply ก็คือ short order นั่นแหละ เมื่อตลาดเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นเป็นโดจิขายาว (เนื่องจาก sm ดึงราคาขึ้นเพื่อ lock) ที่ time frame ใหญ่ ก็ไม่มีใครคิดจะเปิด short อีก พูดง่ายๆ supply หมดตลาดแล้ว

บ้าน เราบางช่วงที่มะนาวขาดตลาด ราคามันขึ้นไปได้อย่างน่าตกใจ ตลาด forex ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นตลาดที่ demand/supply เกิดจากความรู้สึก ไม่ได้เกิดจากสินค้าจริงยิ่งหมดง่าย นี่คือเป้าหมายของการ Accumulation ก่อนปล่อยราคาขึ้น sm มักมี trick เด็ดอีกอันนึง คือเปิด short order ใหญ่ทีเดียว เพื่อให้ราคาวิ่งลง จนดูเหมือนว่ามันจะ break out ลงข้างล่าง เพื่อล่อลวงแมงเม่าให้เข้ามาเปิด short ให้มากที่สุด แล้ว sm ก็ buy สวน ให้ราคากลับมาในอยู่ใน zone เดิม lock แมงเม่าผู้น่าสงสารไว้ หลังจากนั้น ไม่ว่าใครก็น่าจะมองออกแล้วว่าราคามันไม่ลงไปแล้ว ก็จะเกิด demand ขึ้นในใจของ mass ในขณะที่ไม่มี supply ในตลาด คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์ต่อไปเกิดอะไรขึ้น

MarkUp
ถึงตอน นี้ sm นั่งเฉยๆ ดูราคาวิ่งขึ้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประดับหนึ่ง ก็จะมี mass บางส่วน ปล่อยของทำกำไร ทำให้ราคาตกกลับมา แต่sm จะต้องรักษาเทรนด์เอาไว้เพื่อให้ราคาวิ่งขึ้นต่อจนถึงจุดที่น่าพอใจ แต่ต้องการใช้เงินน้อยที่สุดเค้าจึงทำเพียงแค่หยุดราคาที่ตกเอาใว้ โดยจุดที่เค้ายอมให้มันลงต่ำสุด จนต้องเข้าแทรกคือจุดบนสุดของ accumulation zone แต่หลายครั้งที่ sm ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ mass เป็นผู้ดันราคากันขึ้นไปเองด้วยtrend lineบ้าง ด้วยfiboบ้าง ทำให้ sm ได้กำไรแบบเนื้อๆ แค่นั่งดูเฉยๆ

Distribution
เมื่อราคา ถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว sm ก็จะทำการหลอกล่อให้ mass เชื่อว่าราคามันจะวิ่งขึ้นต่อ เช่นการทำ new high ราคาวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน เพื่อให้ mass เชื่อว่าราคาจะขึ้น แล้วเปิด long order โดยจับคู่กับการขายของsm (ปิด long position) ถ้าราคาวิ่งลงมา sm ก็จะดันราคากลับไปใหม่อีก ทำให้เราเห็น pattern จำพวก double top, tripple top, head and shoulder จนเมื่อใกล้หมดก็ปล่อยของทีเดียวหมด ฟาดกำไรจนอิ่ม supply ล้นตลาด ในขณะที่ราคายังสูงอยู่ คงไม่ต้องบอกว่าราคาจะวิ่งลงเร็วขนาดไหน เมื่อมีการขาย (ปิด long position) lot ใหญ่ และยิ่งวิ่งลงเร็วขึ้นเมื่อ mass เกิด panic

MarkDown
เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดที่ sm มั่นใจว่าจะปั่น demand ได้อีกครั้งก็จะทำการ mark ช่วงราคาที่จะเริ่มทำ accumulation อีกครั้ง

แล้ว mass ล่ะ mass สามารถเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเทรนด์ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ นั่นคือช่วงข่าวแรงๆ
แต่ หากมองในมุมของ sm แล้ว ถ้าข่าววิ่งทิศเดียวกับ sm sm ก็ยิ่งได้กำไร ถ้าวิ่งทิศตรงข้าม จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ sm สามารถเปิด order เพื่อจับคู่กับ mass ทีเดียวเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยที่ mass ไม่รู้ตัวเลย

จากกระบวน การทั้งหมดจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขายจับคู่กับ sm ซื้อ หรือเราซื้อจับคู่กับ sm ขาย เราจะมีโอกาสขาดทุนสูงเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เรา buy ที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ขายให้เราที่ราคานี้ และเมื่อใดก็ตามที่เราขายที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ซื้อของเราไปที่ราคานี้ ตามระบบการจับคู่ ก่อนเปิด order ให้หยุดนิดนึง แล้วดูว่าใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรา

Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง

หมายเหตุ
- sm ไม่ได้จะสำเร็จทุกครั้งหรอก แต่เมื่อเค้าเสียเค้าก็เสียให้ในกลุ่ม sm กันเองนั่นแหละ แล้วแต่ว่าจังหวะนั้นใครใหญ่กว่า 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/forex-552/?/

ราคาและเวลา(บทเรียนจากมืออาชีพ)

สิ่งหนึ่งที่ผมมีความสนใจใกล้เคียงกับในเวลาหลายปีของฉันของการเขียนบทความ ที่จะให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้ใช้เวลามากเขียนเกี่ยวกับแนวคิดและกลยุทธ์ที่ทุก คนเขียนและพูดเกี่ยวกับ ถ้าผมทำก็จะไม่มีจุดในการอ่านบทความ เพื่อให้บรรลุนี้ แต่หมายถึงการแนะนำแนวคิดเกี่ยวกับความคิดและกลยุทธ์ที่บางครั้งบินในหน้า ของภูมิปัญญาดั้งเดิม สิ่งที่ฉันได้พบกว่าปีก็คือเพียงแค่การตั้งคำถามอะไรแบบธรรมดา exposes ข้อบกพร่องและที่สำคัญที่สุดของโอกาสเปิดประตูเพื่อค้นหาจำนวนมากหา แต่ไม่พบ

          วันนี้เรามาลองคำถามภูมิปัญญาดั้งเดิมเมื่อมันมา ถึงราคา, การจับจังหวะตลาดปริมาณและเวลาที่ตัวเอง โดยเฉพาะผมหมายถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับราคาที่ตลาดจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เป้าหมายของการเก็งกำไรในตลาดใด ๆ คือการระบุตำแหน่งและเวลาที่ตลาดกำลังจะเปิดก่อนที่จะเปลี่ยน นั่นคือวิธีเดียวที่จะบรรลุอย่างแท้จริงความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูงและความ น่าจะเป็นจุดสูงเข้าสู่ตลาด

เพื่อให้เรื่องยาวสั้นเปิดตลาดในระดับ ราคาที่อุปสงค์และอุปทานเป็น"ที่สุด"out - สมดุลของ ในคำอื่น ๆ ที่จัดหา out - of - สมดุลมากขึ้นและความต้องการอยู่ในระดับราคาที่ดีเปิดในราคา ดังนั้นเราจะจำแนกระดับเหล่านี้ว่ากราฟราคา? บทเรียนลึกเกี่ยวกับเรื่องนี้สามารถพบได้ในหลายบทความของฉันก่อน วันนี้ขอมุ่งเน้นไปที่ปัญหาเฉพาะหนึ่งเมื่อมันมาถึงการระบุแหล่งที่สำคัญและ ระดับความต้องการที่เรารู้นี่คือที่ราคาเปิด เวลาและปริมาณเป็นสองประเด็นที่สำคัญเมื่อมันมาถึงปกติการวิเคราะห์ทาง เทคนิค

          ตัวอย่างเช่นหนังสือการวิเคราะห์ทางเทคนิคบอกเรา เมื่อมองหาการสนับสนุนหลัก (Demand) และความต้านทานระดับ (อุปทาน) เราควรมองหาพื้นที่กราฟที่มี"มากมาย"ของกิจกรรมการค้าและปริมาณ"หนัก" พวกเขาขอแนะนำให้เราควรมองหาระดับการสนับสนุนและความต้านทานที่มีเทียนจำนวน มากในพื้นที่และสูงกว่าปริมาณเฉลี่ย ประเภทนี้มีระดับกราฟตาจะดูดี แต่นี้คำตอบที่ดีที่สุดขณะที่พยายามจะหาจุดสำคัญของตลาดเปลี่ยน?

          เมื่อ คุณคิดตรรกะง่ายๆผ่านผมคิดว่าคุณจะพบว่าที่จริงแล้วปกติการวิเคราะห์ทาง เทคนิคมีมันตอบไม่ถูกต้องและจริงเป็นจริงตรงข้าม เราเพียง แต่สรุปได้ว่าจะเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในราคาที่จะเกิดขึ้นในระดับราคาที่อุป สงค์และอุปทานเป็นส่วนใหญ่ออกจากยอดเงินของ คิดเกี่ยวกับมันในระดับราคาที่อุปสงค์และอุปทานเป็นส่วนใหญ่"out - of - สมดุล"คุณจะเห็นจำนวนมากที่มีกิจกรรมการค้าหรือกิจกรรมการซื้อขายน้อยมาก? ถ้าคุณบอกว่าน้อยมากคุณมีความถูกต้อง เนื่องจากการจัดหาใหญ่และความไม่สมดุลความต้องการ ในระดับราคาเดียวกันที่คุณมีศักยภาพในกิจกรรมที่มากที่สุด แต่เหตุผลที่คุณไม่ได้รับกิจกรรมการซื้อขายมากเป็นเพราะทุกคนมีศักยภาพที่ อยู่บนด้านหนึ่งของตลาดในปัจจุบันซื้อ (Demand) หรือด้านข้าง (อุปทาน) ขาย .

ดังนั้นจะมองภาพนี้เช่นในกราฟราคาเป็นอย่างไร มันไม่ได้เป็นเทียนจำนวนมากบนหน้าจอเช่นการวิเคราะห์ทางเทคนิคทั่วไปชี้ให้ เห็นก็จริงน้อยมากนอกจากนี้ภาพนี้จะไม่รวมถึงปริมาณเฉลี่ยข้างต้นก็จะเป็น ปริมาณที่ต่ำมาก

          ตัวอย่างด้านล่างคือการเรียนรู้ติดตาม ขยายการค้าชั้น (XLT) ที่แสดงว่าสิ่งที่ผมแนะนำในส่วนนี้ ประกาศระดับอุปทานวงกลม นี่คืออุปทานเพราะราคาไม่ได้อยู่ที่นั่นและมีการลดลงไป แต่ดูจำนวนเทียนในระดับอุปทาน มันไม่ได้เป็นสิบยี่สิบหรือรายละเอียดเพิ่มเติม ... เป็นสี่เทียนน้อยแล้วราคาลดลง ถามตัวเองว่าทำไมราคาเท่านั้นสามารถใช้จ่ายดังกล่าวเป็นจำนวนเงินระยะสั้น ของเวลาในระดับที่ คำตอบคือเพราะอุปสงค์และอุปทานมีความสมดุล out - of - ครั้งใหญ่

          ถ้าอุปสงค์และอุปทานไม่ได้ดังนั้น out - of - สมดุลในระดับที่ราคาจะต้องใช้เวลามากขึ้นในพื้นที่นั้น ระบุว่าราคาที่ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ในระดับที่ผมสรุปได้ว่ามี ความไม่สมดุลขนาดใหญ่และขายสั้นเมื่อราคา retraced กลับขึ้นไปที่ระดับอุปทาน ผมขายให้กับผู้ซื้อที่คิดว่า S & P คือการซื้อมูลค่าในระดับที่ ไม่สนใจว่าผู้ซื้ออาจจะอ่านหนังสือและการซื้อขายที่ระดับอุปทานเพราะหนังสือ บอกว่ายังไม่ได้ระดับที่สำคัญเนื่องจากมีกิจกรรมเล็ก ๆ เช่น ในขณะที่คุณหวังว่าจะสามารถเข้าใจการขาดกิจกรรมที่เป็นสิ่งที่ทำให้มันดัง ระดับอุปทานที่แข็งแกร่ง

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/()-567/?/

ปัจจัยที่สำคัญในความสำเร็จเทรดดิ้ง (การศึกษา Forex)

"ชี้เป็นจิตวิทยาที่จริงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเรา ฉันยังคงเชื่อว่าการซื้อขายที่เป็น 85% จิตใจ 10% การบริหารความเสี่ยงและกลยุทธ์ 5%

          การทำกำไร ที่สอดคล้องเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดของผู้ค้ามากที่สุดตลอดกาลจะ เผชิญในโลกมันง่ายที่จะทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมและทวนง่ายที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อใดก็ตามที่เราทำการตัดสินใจสำคัญในชีวิตของเรามีแนวโน้มที่จะไม่สนใจ ปัจจัยสำคัญและมุ่งเน้นในสิ่งที่ไม่ได้เรื่องจริงๆโปรดดูราคาข้างต้น ดร. Van Tharp himsaself สรุปได้ว่ากลยุทธ์ของคุณจะไม่รับผิดชอบเพียง 10% ในการค้าของคุณประสบความสำเร็จในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าอื่นที่ดีใน เอเชียกล่าวถึง15% แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญไม่ยอมรับว่าการกระจายร้อยละเดียวกันเมื่อมันมาถึง จิตวิทยา, การจัดการเงิน (ตำแหน่งขนาด) และกลยุทธ์, พวกเขาก็กล่าวอ้างความเป็นจริงพื้นฐาน --ปัจจัยที่สำคัญอย่างน้อยในความสำเร็จของการค้าของคุณเป็นระบบการค้าของคุณ (ใด ๆระบบการค้าใด ๆ )

          ฉันจะทำซ้ำอีกครั้งที่จุดประสงค์ เพียงเพื่อครอบครองกลยุทธ์การซื้อขายเป็นเพียงการที่จะมีเหตุผลในการซื้อและ ขายแต่สิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ในตลาดอยู่ห่างสำคัญกว่ากลยุทธ์ผู้ค้า ส่วนใหญ่จะคอยมองสำหรับกลยุทธ์ที่พวกเขาคิดว่าสามารถจะดีนักการตลาดให้กับ ผู้ค้า bombarding กับระบบการค้า; สิ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าในการซื้อขายผู้จำหน่ายมากน้อยเน้นจิตวิทยา การซื้อขายซึ่งเป็นด้านที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จของการซื้อขายสงสัยไม่มี ผู้ค้าส่วนใหญ่จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์เดียวกัน

          อย่า กลัวที่จะแตกต่างเพราะส่วนใหญ่จะไม่ถูกต้องเสมอเรียนรู้ที่จะไม่ปฏิบัติตาม เช่นฝูงแกะและเฉียบขาดในเป้าหมายและค้าของคุณถ้าคุณทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ แล้วคุณมักจะได้รับสิ่งที่คนอื่น ๆ ได้รับมากกว่าอะไรจิตวิทยาของเราอย่างมากเรื่องมากในการซื้อขาย

          ตัวอย่าง เช่นถ้ากลยุทธ์ที่ดีกับกฏเพียงและทุนเดียวกันจะได้รับแตกต่างกันถึง 10 คน (ไม่พูดถึง 50 หรือ 100 คนที่แตกต่างกัน)เพื่อการค้าที่มีจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างหลังจากช่วงระยะเวลา หนึ่งบางคนจะไปแตกบางส่วนจะเสียเงินบางส่วนจะคุ้มและบางส่วนจะสร้างรายได้ใน ความเป็นจริงจะมีเป็นส่วนของผู้ที่ลงท้ายที่แตกต่างหลากหลายที่มีจำนวนผู้ ใช้กลยุทธ์พวกเขาเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์เดียวกันกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่นี้เพื่อเป็นเพราะเหตุใด จิตวิทยาเรื่อง

          ดังนั้นคุณจำ เป็นต้องทำงานเกี่ยวกับจิตวิทยาของคุณหนึ่งในวิธีการที่ดีของการทำเช่นนี้ คือการอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาการซื้อขายนอกจากฉันได้พบวิธีการนี้เคน ยาวของด้านล่างนี้มีประโยชน์มากสำหรับการซื้อขายของฉันเขากล่าวว่า"หนึ่งใน ทักษะที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการมืออาชีพที่เป็นความต้องการในการพัฒนา ความสามารถในการจัดการของเขาหรือเธอสภาพจิตใจการบำรุงรักษาทางจิตวิทยาที่มี ประสิทธิภาพสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวของการ ซื้อขาย.. สำหรับผม ... (นี้)หมายถึงภาวะทางอารมณ์ที่เป็นกลางไม่สุขไม่เศร้าไม่ทะเยอทะยานเกินไปและ ไม่กลัว ...เมื่อฉันจากการค้าขณะนี้สถานที่นี้ผลลัพธ์ของการสร้างความสุขความเศร้ามิ ได้พวกเขาก็เป็นสิ่งที่พวกเขานี้จะช่วยให้ฉันเพื่อป้อนการค้าต่อไปที่มีค่า ทางอารมณ์ไม่มีผมพบว่ารัฐนี้อย่างดีที่สุดสิ่งสำคัญที่ลักษณะของฉันของการ ซื้อขายฉันพยายามที่จะหาจุดความลังเลในการค้าช่องทางหรือในการฝ่าวงล้อม, ที่ราคายังคงทรงตัวระหว่างความกลัวและความโลภ ณ จุดนี้, บูลส์และหมีอยู่ในสมดุลไม่มีเวลาและขาต่อไปของย้ายจะเริ่มต้นเช่นเดียวกับขา สุดท้ายสิ้นสุด.

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/(-forex)/?/

มาทำความรู้จักกับระบบ Lot กันครับ

หลายๆคน คงงงกับระบบ Lot ของโปรแกรมเทรด MT4 เพราะพื้นฐานแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน บางคนก็เทรดที่ Marketiva มาก่อน หรือเทรดโบรกเกอร์ที่โปรแกรมเทรดที่เป็นของโบรกเกอร์นั้นเอง จำนวนเงินที่ใช้เทรดก็จะเรียกต่างกัน เช่น โบรก Marketiva ก็จะใช้ระบบ Quantity ใส่ 100 Q= ลงเทรด 1 ดอล จุดละ 1 Cent

เรามาดูระบบ Lot ของโปรแกรม Mt4 กันดีกว่าครับ เพราะระบบ Lot เป็นระบบสากลที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ และโบรกเกอร์ส่วนใหญ่เลือกใช้

ระบบ Lot ของโบรกเกอร์ก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าโบรกเกอร์นั้นจะกำหนด ผมจะจำแนก ระบบ Lot  เป็นดังนี้

1. Standard Lot
ส่วน ใหญ่โบรกเกอร์ทุกโบรกเกอร์ก็จะใช้  Standard Lot กับบัญชีที่มีเงินเยอะๆ  Standard Account , Classic Account , Pro Account แล้วแต่ว่าโบรกเกอร์นั้นจะตั้งชื่อ

Standard Lot จะเริ่มต้นด้วย
ผม จะอิงทศนิยม 4 ตำแหน่งนะครับ ตำแหน่งสุดท้ายของค่าเงิน การเคลื่อนที่ของราคาตัวสุดท้าย ถ้าเคลื่อนที่ไป 1 เท่ากับเคลื่อนที่ไป 1 จุด (pips)
0.1 Lot  คือ เราจะ ได้-เสีย (Profits/Loss) จุดละ 1 ดอล
1.0 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอล
100 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 1000 ดอล

Micro Lot  
1 $=100 Cent  เกือบทุกโบรกเกอร์นะครับ จะมีบัญชี Cent (Cent Account) ให้เราได้เทรด เงินน้อยก็สามารถเทรดได้ ใช้ระบบ Micro Lot ของบัญชี Cent
0.1 Lot Cent  คือกำไรขาดทุน จุดละ 1 เซน
1.0  Lot Cent คือ กำไร ขาดทุน จุดละ 10 Cent
10.0 Lot Cent คือ กำไร ขาดทุน จุดละ 100 Cent หรือ 1 ดอลล่าร์
100 Lot Cent  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1000 Cent หรือ 10 ดอลล่าร์

บางทีเราเห็นเพื่อนๆเทรดกัน 100 Lot ติดลบทีเป็น 10000 ก็อย่าตกใจนะครับ เค้าเทรดบัญชี Cent

Mini Lot
Mini Lot จะเหมือนกับ Standard Lot แต่แตกต่างกันนิดหน่อยคือ มี 0.01 เพิ่มขึ้นมาด้วย
0.01 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 0.1 ดอล หรือ 10 Cent
0.1 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 ดอล
1.0 Lot  คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอล
100 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 1000 ดอล

บางโบรกเกอร์ก็จะมีระบบ Lot ที่แตกต่างจาก Lot มาตรฐาน เช่น โบรกเกอร์ Instaforex
โบรกเกอร์ Instaforex  บัญชีที่เป็น Standard จะเริ่มต้นเทรดที่
0.01 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 Cent
0.10 Lot คือ กำไร - ขาดทุน จุดละ 10 Cent
1.0  Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 1 ดอลล่าร์
10.0Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 ดอลล่าร์
100 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 100 ดอลล่าร์

ข้อควรระวังนะครับ หลายๆคนเป็นบ่อย และเสียเงินจากความผิดพลาดนี้
-  เมื่อ เราติดตั้งโปรแกรม Mt4 ใหม่ หรือไปใช้คอมที่ร้าน Internet เมื่อลงโปรแกรมแล้ว กด New Order ทันที โดยไม่ได้ดู Volume ทุกโบรกเกอร์จะ Set ตรงนั้นไว้เป็น 1.0 Lot อย่าลืมไปเปลี่ยนนะครับ
-  ลง Lot ให้เหมาะสมกับ Balance  หรือ Margin ที่มีอยู่นะครับ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/lot-568/?/

ประเภทของคำสั่งเทรด (Type of Order)

Type Of Order
ประเภทของคำสั่งรายการเทรด
โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะมีคำสั่งรายการพวกนี้จัดเตรียมไว้ให้คุณอยู่แล้ว แต่มีบางโบรกเกอร์ที่ออเดอร์แปลกประหลาดต่างจากที่อื่น

พื้นฐานของออเดอร์ที่โบรกเกอร์ทั้งหมดต้องมี

1. Market Order

มา เก็ตออเดอร์คือออเดอร์ที่  buy หรือ Sell ในราคาของตลาดปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2800ถ้าคุณต้องการ Buy ที่ราคานี้ คุณก็คลิก Buy  แล้วคุณก็จะได้ราคานี้ทันที

2.Limit order

ลิ มิตออเดอร์คือ ออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้า (ตั้งสวนนั่นเอง ) ตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2800 คุณต้องการตั้งสวน Buy ที่ 1.2780 คุณต้องใช้ คำสั่ง Buy Limit เมื่อราคาลงไปถึง 1.2780 ไปชนออเดอร์ของคุณ คุณก็จะได้ราคานี้ทันที

3.Stop order
สต๊ อบออเดอร์ คือออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้าเช่นกัน แต่ไม่ได้ตั้งสวนนะ แต่เป็นการตั้งตามแนวโน้มมากกว่า ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.2800 แล้วคุณต้องการ Buy เมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 1.2820 คุณก็อาจจะไปตั้ง Buy Stop ที่ราคา 1.2820 ถ้าราคาผ่าน 1.2820 ได้ ราคาก็จะไปชน Limit order ของคุณ

4. Stop -Loss
จุดหยุดการขาดทุน
เมื่อ คุณได้ทำการเข้าออเดอร์ไว้แล้ว แล้วไม่มีเวลาอยู่หน้าจอ ต้องออกไปข้างนอก Stop loss สามารถช่วยคุณได้  ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณBuy EUR/USD ที่ 1.2820 คุณต้องการที่จะหยุดขาดทุนที่ 20 pips คุณก็สามารถตั้ง Stop loss ได้ที่ราคา 1.2800  เมื่อราคาลงมาถึง 1.2800 ออเดอร์ของคุณก็จะหยุดทันที สต๊อบลอสสามารถช่วยให้หยุดการขาดทุนของคุณได้ ช่วยให้เงินของคุณไม่หมดพอร์ต

5. Target
ทา เก็ตคือ ราคาเป้าหมาย หรือกำไรที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการกำไรจาก Order Buy ที่ราคา 1.2820  โดยหวังกำไรจากรายการนี้ 20 pips คุณก็ตั้ง Target ไว้ที่ 1.2840
การตั้ง Stop loss และ Target ช่วยให้คุณมีวินัยในการเทรดมากขึ้น


ประเภทออเดอร์แบบอื่นๆ

1.GTC(Good'til canceled)

คำ สั่งแบบ GTC เป็นคำสั่งที่ยังคงแอคทิฟจนกระทั่งคุณได้ตัดสินใจยกเลิกมัน โบรกเกอร์ของคุณจะไม่ยกเลิกให้คุณ ดังนั้น นี่เป็นความรับผิดชอบของคุณที่คุณได้กำหนดชนิดไว้แล้ว

2.GFD(Good for the day)
คำ สั่งแบบ GFD จะยังคงแอคทิฟจนกระทั่งตลาดปิด วันต่อวันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ของคุณว่ากำหนด ราคาของวันนั้นๆ จะสิ้นสุดกี่โมง เพื่อเริ่มวันใหม่ ต้องตรวจสอบกับทางโบรกเกอร์ของคุณด้วย

3.OCO (Order cancels other)
คำสั่งแบบ OCO จะรวมระหว่าง Limit และ Stop โดยตั้งไว้ที่ด้านบนและด้านล่างของราคาปัจจุบัน

คำสั่งเหล่านี้จะมีเฉพาะบางโบรกเกอร์เท่านั่น  เพราะฉะนั้นคุณควรจะรู้คำสั่งพื้นฐานเอาไว้

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.forexbuddytrader.com

ที่มา:thaiforexschool.com/index.php?topic=8.0

เรียน forex

สำหรับใครที่กำลัีงเริ่มต้น เล่น Forex หรือต้องการที่จะเรียน Forex เพิ่มเติม สำหรับตลาด forex นั้น ได้เปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปมาหลายปี มีนักลงทุนทั่วโลกจำนวนมากเข้ามาลงทุนในตลาด รวมถึงนักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยนั้นเราทราบกันดีอยู่แล้วว่ายังไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเล่นได้ หรือเปิดแบบเสรี แต่ละคนก็หวังที่จะเข้ามาทำกำไร และเป็นเศรษฐี จากตลาด forex แต่ผลที่ได้ของนักลงทุนแต่ละคนนั้น ก็แตกต่างกันไป


การเทรดสำหรับ ผู้เริ่มต้น นั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ซับซ้อนเลย สิ่งแรกที่คุณ ควรจะเริ่ม นั้นคือ ขอเปิดพอร์ต forex แบบออนไลน์ หรือเปิดบัญชีเทรด Forex ซึ่งเราแนะนำโบรเกอร์อันดับหนึ่งคือ Exness จากนั้นคุณจะสามารถเข้าไปเทรดจากที่ไหนของโลกก็ได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.forexbuddytrader.com

มารู้จักโบรเกอร์ Exness สำหรับเทรด Forex กันเถอะ!

EXNESS ได้รับการก่อตั้งขึ้นปี 2008 ในเมืองเซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย



Exness มีความความซื่อสัตย์ยุติธรรม การเปิดเผย โปร่งใส และยังได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 รวมถึงได้รับรางวัลโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดในเอเชีย ปี 2012 โบรกเกอร์ Forex ดีเด่นในรัสเซีย 2011 โบรกเกอร์ Forex มาตรฐานดีเด่นแห่งเอเชีย 2012 โบรกเกอร์ Forex ดีเด่นในรัสเซีย 2012 โบรกเกอร์ Forex ดีเด่นในตะวันออกกลาง 2012 

Exness ให้บริการซื้อขายออนไลน์ Forex คู่สกุลเงินรวม 134 คู่ รวมทั้ง CFD ในตลาดหุ้น และ CFD ในฟิวเจอร์ สามารถกำหนด Leverage ได้สูงสุดถึง 1:2000 ซึ่งมากกว่าโบรเกอรือื่นถึง 5 เท่า

Exness รองรับระบบการชำระเงินฝาก-ถอนผ่าน เงินจะเข้าในบัญชีเทรดของคุณทันที
ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์
    - Skrill (Moneybookers)
    - Liberty Reserve
    - Webmoney
    - CashU
    - Pecunix
    - Perfect Money
    - C-Gold
    - MoneyMail
    - RBK Money
    - QIWI
บัตรเครดิต Visa และ MasterCard
สำหรับในประเทศไทยสามารถใช้บริการได้ผ่านทาง เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือธนาคารออนไลน์

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.forexbuddytrader.com

เทรด forex

การเทรด Forex ของแต่ละคนนั้นย่อมมีระบบเทรด แบบแผนการเทรดที่แตกต่างกันออกไป แต่ละคนก็ย่อมเชื่อมั่นในระบบเทรดของตัวเอง ถึงแม้ระบบเทรดนั้นจะไม่สามารถทำกำไรให้เราได้ทุกครั้งในการเข้าซื้อขายก็ตาม และสิ่งสำคัญที่แต่ละคนต้องใช้เพื่อให้อยู่รอดในตลาด forex แห่งนี้ ก็คือ กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุนด้วย การวิเคราะห์ทางเทคนิค ดูแนวโน้ม วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม หาจุดสูงสุดและต่ำสุด รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหนจึงจะกลับตัว ใช้เส้นแนวโน้ม ติดตามค่าเฉลี่ย รู้ถึงจุดที่ตลาดกลับตัว มองเห็นสัญญาณเตือน เป็นแนวโน้มหรือไม่เป็นแนวโน้ม รู้จักการดูสัญญาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม  



หลายคนอาจจะสับสนว่าจริงแล้ว การเล่นหุ้นเป็นการพนันหรือเปล่า เพราะมันสามารถทำกำไรหรือขาดทุนมหาศาลได้ในพริบตา โดยเมื่อทุกคนได้สัมผัสการเล่นหุ้นแล้ว ก็จะรู้ว่าความโลภมักจะตามมาครอบงำเสมอ ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้ นักลงทุน ขาดสติและจะแปลงร่างเป็นนักพนันทันที นั่นก็คือ "เสียแล้วอยากเอาคืน ได้แล้วอยากได้อีก" ดังนั้นหากคุณจะเป็นผู้นึงที่อยู่รอดในเกมส์(ตลาดหุ้น) นี้คุณ จะต้องเรียนรู้ถืงความแตกต่างระหว่างนักเก็งกำไร(นักลงทุน)และนักพนัน
  
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.forexbuddytrader.com