การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น โดย Barry Lutz
ใน
ช่วงที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ
หรือเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับนักเล่นหุ้นทุกคนนั้น
คือการขาดทุนที่มักจะเกิดขึ้นติดๆกันเป็นระยะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้คือการควบคุมอารมณ์และสติของเราให้มั่นคง
เพื่อที่จะรักษาวินัยในการลงทุนเอาไว้
และในวันนี้ผมได้นำวิธีการง่ายๆที่อาจช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และสติของคุณ
ได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องเจอกับตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยครับ
คุณได้
เข้าซื้อหุ้นไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มดิ่งหัวลง
หลังจากนั้นคุณจึงตัดสินใจครั้งใหม่ที่จะ Short หุ้น
แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เด้งขึ้นทันที
นับรวมแล้วก็เป็นอันว่าคุณขาดทุนติดกัน 2 ครั้งเสียแล้ว
และมันทำให้คุณรู้สึกค่อนข้างลังเลขใจเล็กน้อย
นั่นทำให้คุณรู้สึกแหยงๆที่จะไม่เทรดหุ้นในสัญญาณครั้งต่อไป
และเป็นอย่างที่คุณคิดเอาไว้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณได้กำไร!
เอาล่ะสมมุติว่ามันแย่กว่านั้นอีก คุณตัดสินใจไล่ซื้อตามมันไป
ซึ่งหลังจากที่คุณได้ไล่ซื้อมันไปไม่นานนัก
มันก็ดิ่งหัวลงมาและทำให้คุณขาดทุนอีกครั้ง
สรุปแล้วในขณะนี้คุณขาดทุนติดกันถึง 3 ครั้งแล้ว..
คุณอาจคิดว่า “โอเค.. ลองอีกครั้งก็ได้ฟระตรู เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละวุ้ยยยย”
ใน
ครั้งนี้ คุณตัดสินใจอย่างฉลาดสุดๆ
คุณสังเกตได้ว่าตลาดนั้นวิ่งอยู่กรอบแคบๆ มันจะเด้งขึ้นเมื่อเจอกับแนวรับ
และเด้งลงเมื่อเจอกับแนวต้าน ดังนั้นในครั้งต่อไป
คุณจึงตัดสินใจที่จะซื้อ-ขายเมื่อมันวิ่งไปชนกับกรอบราคา
แทนที่จะเล่นด้วยระบบเดิมๆของคุณ
ต่อมานั้น
ตลาดได้วิ่งไปคลอเคลียอยู่แถวแนวรับ
ซึ่งมันเข้าทางกับแผนการที่คุณได้วางเอาไว้ คุณจึงตัดสินใจ “ซื้อมันซะเลย”
แต่แทนที่มันจะเด้งขึ้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา
ราคาของหุ้นกลับดิ่งทะลุแนวรับไปเสียนี่..
และนี่ไม่เพียงทำให้คุณขาดทุนติดๆกันถึง 4 ครั้ง
แต่นี่เป็นการขาดทุนจากการที่คุณแหกระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของคุณไป
เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นสัญญาณที่หากว่าคุณทำตามระบบไปละก็
กำไรในคราวนี้จะกลบการขาดทุนใน 3 ครั้งที่ผ่านมาทั้งหมดเลยทีเดียว
เอา
ล่ะ เมื่อมาถึงตอนนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป.. “เลิกเล่น?”
แล้วพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้ตัวเองหลงผิดมาเก็งกำไรครั้งใหม่..
โยนคอมพิวเตอร์ทิ้งไปนอกบ้านซะเลย แล้วลืมๆมันไปซะ…
นี่เป็นสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า คุณกำลัง “จิตหลุด” แล้วหละครับ
อะไรคือภาวะ “จิตหลุด”
ผม
คิดว่าภาวะของอาการ “จิตหลุด”
นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณนั้นได้ยอมรับว่า
“การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบการลงทุนและการเก็งกำไร”
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่การขาดทุนที่สะสมติดต่อกันนั้น
ได้ค่อยๆทำให้คุณสะสมความกดดันจนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณนั้นไม่สามารถที่จะยอม
รับมันได้อีกแล้วนั่นเอง
ซึ่งภาวะอาการ
“จิตหลุด” กะทันหันนี้ ทำให้คุณนั้นหน้ามืดและมองข้ามระบบการลงทุนของคุณไป
และถูกแทนที่ด้วยอารมณ์จากผลการซื้อ-ขายในครั้งที่ผ่านๆมานั่นเอง
และถึงแม้ว่าการ “เลิกเล่น”
นั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่ดูจะเหมาะสมในช่วงเวลาอย่างนี้ แต่อาการ “จิตหลุด”
ของคุณนั้น
อาจจะทำให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดไปตามอารมณ์ของคุณก็เป็นได้
และมันอาจเป็นไปอย่างนั้นจนถึงจุดๆหนึ่งซึ่งมันหมดหวังเต็มที
จนทำให้คุณนั้นไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไปและจำเป็นต้อง “เลิกเล่น”
ไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม
บทความนี้นั้นไม่ได้พยายามที่จะพูดถึงเรื่องของอารมณ์และการเก็งกำไรของคุณ
หรือเกี่ยวกับเรื่องของความกลัวซึ่งคอยขัดขวางนักเล่นหุ้นหรืออะไรเทือกๆ
นั้น เพราะอย่างที่เรารู้ๆกันว่า
อารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และคุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องเลิกเก็งกำไรซะ
นี่
เป็นบทความที่เกี่ยวกับการที่โดยปกติแล้วคุณนั้นสามารถที่จะควบคุมอารมณ์และ
สติของคุณในการเก็งกำไรได้เป็นอย่างดี
แต่แล้วจู่ๆก็กลับมีบางสิ่งบางอย่างมาทำให้นักเล่นหุ้นอย่างเราๆเสียการควบ
คุมไป และเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั่นเอง
ซึ่งผลจากการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดทุนซึ่งเกิดจากการแหกระบบของนักเล่นหุ้นเองนี่เอง
ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิด
ขึ้นได้เฉพาะกับนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ หรือนักลงทุนระดับล่างๆ
เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นกับนักเล่นหุ้นทุกคน
ซึ่งไม่ว่าใครก็มีสิทธิที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรไป
ทุกอย่างก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด
และนั่นทำให้เราเกิดการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้งขึ้นมา
ดัง
นั้น นี่จึงเป็นสถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นได้กับนักเล่นหุ้นทุกคน
เพียงแต่ว่านักเล่นหุ้นแต่ละคนแต่ละระดับนั้น
จะมีการตอบสนองต่อภาวะเช่นนี้ต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อเจอกับภาวะเช่นนี้นักเล่นหุ้น นาย A.
อาจจะเกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเกิดอาการ “จิตหลุด” ตามมาทันที
ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจของเขาไปและผลที่ตามมาก็คือการขาดทุนที่
มากกว่าที่ได้คาดคิดเอาไว้อย่างมากมาย หรือในอีกทางหนึ่งนั้น นาย B.
อาจจะเกิดความรู้สึกอยาก “เอาคืน”
และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากเขามั่นใจว่ายังไงซะ
การเก็งกำไรครั้งต่อไปของเขาจะสามารถทำให้เขากลับมาเท่าทุนเหมือนเดิมได้
แต่แล้วอาการ “จิตหลุด” นี้ก็ยังดังเนินต่อไปพร้อมกับการขาดทุนของเขา
และทำให้เขาต้องสูญเสียเงินไปมากกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้แต่แรก..
แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างนาย C. ล่ะ
เขาทำอย่างไรกับภาวะเช่นนี้?
การควบคุมภาวะของอาการ “จิตหลุด” ในการเล่นหุ้น
เมื่อคุณลองคิดไตร่ตรองดูให้ดี คุณจะพบว่า
“ทุก
ครั้งที่อาการ “จิตหลุด”
ของคุณได้เกิดขึ้นและคุณสุญเสียการควบคุมสติของคุณไป นั่นจะยิ่งทำให้อาการ
“จิตหลุด” ในครั้งต่อไปของคุณเกิดขึ้นเร็วยิ่งกว่าเดิม”
นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
จนถึงเวลาหนึ่งที่การเล่นหุ้นกลายเป็นสิ่งที่เจ็บปวดเกินกว่าที่คุณจะทนไหว
ซึ่งทำให้คุณไม่อยากเล่นหุ้นอีกต่อไปนั่นเอง
เมื่อลองคิดและไตร่ตรองดูให้ดีอีกครั้ง คุณจะพบว่า
“มันเป็นการดีกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ในการเล่นหุ้นของคุณ แทนที่คุณจะตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไป”
เนื่องจากการเลิกเล่นหุ้นเก็งกำไรนั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
เพราะมันไม่ได้ช่วยป้องกันให้คุณไม่คิดที่จะกลับมาลองเก็งกำไรหรือเล่นหุ้น
รอบใหม่อีกครั้ง
และไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเมื่อคุณต้องเจอกับภาวะขาดทุนติดๆกันอีกครั้ง
ใน
การที่จะควบคุมสติของคุณให้ได้ ก่อนที่คุณจะเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั้น
คือการเอาชนะจิตใจและตัวตนข้างในของคุณให้ได้เสียก่อน
คุณต้องทำมันและพาตัวเองกลับมาเดินอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง
แล้วคุณจะได้กำไรชีวิตจากสิ่งที่คุณทำอย่างคาดไม่ถึง
เพราะคุณจะรู้ว่าถึงแม้คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่โหดร้าย
แต่คุณก็จะมั่นใจในตนเองว่าคุณจะข้ามผ่านมันไปได้
และสามารถควบคุมสติของคุณเอาไว้ได้จนไม่ต้องเกิดการขาดทุนที่มากมายอีกครั้ง
วิธี
การง่ายๆที่จะช่วยคุณได้
คือให้คุณลองนำสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นหลักหรือแก่นในการเก็งกำไรของคุณ
มาเขียนลงในกระดาษโน้ทเล็กๆแปะไว้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเอง
โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้คุณระลึกและตระหนักถึงมันอยู่ตลอดเวลา
ทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ในจิตสำนึกของคุณอยู่ตลอดเวลา
แทนที่มันจะไปฝังอยู่ในจิตไต้สำนึกของคุณจนลึกเกินไปนั่นเอง
แต่จงระวังไว้ว่าทุกๆครั้งที่คุณได้เขียนโน้ทเอาไว้นั้น
ขอให้แน่ใจว่าคุณกำลังเขียนแนวคิดลงไป ไม่ใช่วิธีการ
จงอย่ายึดติดกับ”วิธีการ” จนเป็นการทำให้ปัญหาของคุณนั้นย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
ยก
ตัวอย่างเช่น
ลองคิดถึงช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณนั้นพลุ่งพล่านจากการที่คุณได้เกิดการขาด
ทุนติดๆกัน ภายในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไว้อยู่ในกรอบแคบๆดู
แล้วลองเขียนโน้ทลงไปในลักษณะคำพูดแบบนี้ครับ
“อารมณ์บ้าๆนี้อาจจะมา
จากการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วของเรา
และการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วนี้อาจมาจากการที่เราพยายามเล่นหุ้นในช่วง
เวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆนี้ก็ได้
หรือเราอาจกำลังเล่นหุ้นบ่อยเกินไปก็ได้
และไม่มีอะไรที่ได้ผิดพลาดไปในระบบของเราหรอก
ตราบใดที่เรายังเล่นหุ้นได้ตามระบบของเราอยู่
ทุกอย่างก็ยังคงปกติและเราก็ยังเล่นหุ้นได้ดีอยู่เหมือนเดิม”
เอาล่ะ หรือไม่คุณอาจลองเปลี่ยนเป็นประโยคอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งเขียนออกมาในสถานการณ์เดียวกันดู
“อย่า
เป็นไอ้โง่ที่เล่นหุ้นโง่ๆบ่อยเกินไปสิฟะ!
เหมือนกับว่ากลัวที่จะขาดทุนในวันนี้เสียเหลือเกิน
อย่าทำเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา
ไม่งั้นเรื่องแบบนี้มันก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ
และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะเล่นหุ้นเกินไปถ้ายังคิดจะเล่นในหุ้นแบบเดิมๆ
อีก”
จงรักษา “สติ” ของคุณเอาไว้
“รักษาสติเอาไว้” คือประโยคต่อไปในกระดาษโน้ทของคุณ
อีก
วิธีหนึ่งซึ่งคุณสามารถทำได้นั้น
คือโดยการเขียนโน้ทซึ่งคุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ “จิตหลุด”
ของคุณจะเกิดขึ้นนั้น ได้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หายใจเร็วขึ้น,
เหงื่อออกเยอะ, บิดตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ หรืออาการนั่งไม่ลง
และหลังจากที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณเริ่มรุนแรงขึ้น เช่น โวยวาย,
ขว้างปาสิ่งของ หรือทำลายข้าวของ จนในที่สุดเมื่อคุณเกิดเอาการ “จิตหลุด”
แบบเต็มขั้นหรือการตื่นตระหนกอย่างสุดขีด
แน่นอนว่ามันคงจะมีลิสท์
รายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวเหยียดเลยทีเดียว
แต่การที่คุณสามารถที่จะตระหนักถึงมันได้เมื่อมันเกิดขึ้นมานั้น
อาจช่วยให้คุณเริ่มที่จะสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้
ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณแทนนั่นเอง
คอยตระหนักอยู่ตลอดเวลา
คุณ
ควรต้องรู้ถึงสิ่งที่มีศักย์ภาพที่จะก่อให้เกิดอาการ “จิตหลุด” ของคุณ
มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการที่คุณจะยอมรับว่าตัวของคุณนั้นมี “อารมณ์”
ข้องเกี่ยวอยู่เสมอ และจงอย่าพยายามที่จะมองข้ามมันไป
หรือพยายามเก็บมันซ่อนเอาไว้เพราะคุณมองว่ามันคือสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอ
ของคุณ เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
คุณ
เป็นมนุษย์! มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์
และอารมณ์จะเข้มข้นขึ้นเมื่อสถานการณ์ต่างๆนั้นเริ่มบีบคั้นขึ้นมา ดังนั้น
คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณ “จิตหลุด”
และสูญเสียการควบคุณขึ้นมา แต่คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้
หรือจำให้ได้ว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้อาการ “จิตหลุด”
นั้นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่จะช่วยให้คุณมี “สติ”
อยู่เท่าที่คุณจะสามารถทำได้
ในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต
คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะช่วยให้คุณ “กลับมา” มีสติขึ้นอีกครั้ง
แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้นทำอะไรบ้าง?
นัก
เล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้น คือนักเล่นหุ้นที่สามารถที่จะควบคุม ”สติ”
ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน และมี “สติ” อยู่ในทุกๆเวลา
การมี “สติ”
นั้นเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการณ์
“จิตหลุด “ ในการเล่นหุ้นขึ้นมา
นักเล่นหุ้นที่ดีนั้นสามารถที่จะประเมิณการขาดทุนของเขาในรูปแบบของการเกิด
ขึ้นตามธรรมดาของระบบการลงทุน
และนักเล่นหุ้นที่ดีนั้นจะสามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดีของเขาได้ไม่ว่าจะ
ต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใด และถึงแม้พวกเขาจะเกิดการขาดทุนขึ้นมา
พวกเขาก็จะเข้าใจว่ามันต้องเกิดขึ้น พวกเขายอมรับกับ “ความน่าจะเป็น”
ที่มันจะต้องเกิดขึ้น และทำตามระบบต่อไป
ซึ่งการซื้อ-ขายครั้งต่อไปนั้นอาจจะทำกำไรให้พวกเขาก็ได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaibestforex.com/forex/t579/?/