1. ในตลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้
ตลอดเวลาในตลาดมันจะมีตัวแปรที่คอย
ขับเคลื่อนตลาดที่เราไม่รู้จักอยู่
ขอแค่มีเทรดเทรดเดอร์เพียงคนเดียวที่อยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก
ทำอะไรซักอย่างกับตลาด
มันก็อาจจะทำให้การวิเคราะห์กราฟของเราผิดพลาดได้เสมอ
ไม่ว่าเราจะเสียเวลากับการวิเคราะห์มานานแค่ไหน
ศึกษาหาความรู้มาอย่างมากมาย หรือลงทุนไปกับมันมากเท่าไหร่
แต่ถ้ามองในมุมมองของตลาดแล้ว มันไมเกี่ยวกันกับการที่ตลาดจะขึ้น หรือจะลง
ดังนั้นการที่เราคาดหวังในทิศทางของตลาดนั้น
มันเพียงแต่จะทำให้จิตใจเราสับสน และขัดแย้งกันก็แค่นั้น
2. เราไม่จำเป็นต้องรู้ทิศทางของตลาดอย่างแม่นยำ ก็สามารถทำเงินได้
การ
เทรดหุ้นแต้ละครั้งมันมีเปอร์เซันได้ - เสียเป็นของมัน
และตัวที่กำหนดสิ่งนี้คือ มุมมอง หรือระบบของเรา สมมุติต่อไปอีก 20 เทรด
เรารู้ว่าเราจะได้ 12 และเสีย 8
แต่สิ่งที่เราไม่รู้คือเราจะได้ครั้งละเท่าไร และเราจะเสียครั้งละเท่าไร
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้การเล่นหุ้นเป็นเกมเกี่ยวกับความน่าจะเป็น
หรือเป็นเกมนับเลข ยกตัวอย่าง นักเทรด 2 คน คนแรกมีโอกาสเทรดได้ 75%
แต่จะได้แค่ครั้งละ 20 Pips และเสียครั้งละ 60 Pips เทรด 20 ครั้ง
ผลที่ได้คือ 0 Pip ส่วนนักเทรดคนที่ 2 มีโอกาสเทรดได้แค่ 25%
แต่จะได้ครั้งละ 100 Pips เสียครั้งละ 30 Pips 20 เทรด เขาจะได้ทั้งหมด 50
Pips เห็นไหมครับมันเป็นเกมบวกเลข - ลบเลข โอกาสแพ้ชนะแทบจะไม่มีผล
ถ้าเรามี Money Management และ Risk-to-Reward ที่ดี
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ นักเทรดคนแรกเขามีโอกาสชนะที่สูงมาก
แต่เขากลับสู้คนที่ 2 ที่โอกาสชนะน้อกว่าไม่ได้
แล้วถ้าเขาไม่กลัวว่าเทรดที่ได้จะกลับมาเสียแล้วรีบปิด เขาจะได้มากเท่าไร
ถ้าเขากล้าที่จะตัดขาดทุนแทนที่จะนั่งรอให้มันตีกลับมาบวก
เขาจะเสียมากขนาดนั้นไหม มันเป็นเรื่องของความกลัวครับ
ความกลัวในการเล่นหุ้นในความคิดผมนั้นมีอยู่ 3 อย่าง กลัวที่จะขาดทุน
กลัวที่จะพลาดโอกาส และกลัวที่จะได้กำไรมากเกินไป อันสุดท้ายนี่หมายถึง
การกลัวว่าเทรดที่ได้จะกลับมาเสียรีบปิดเร็วเกินไป
เรียนรู้ที่จะควบคุมความกลัวแล้วการเทรดของเราจะดีขึ้น
3. มันมีเปอร์เซ็นได้ - เสียของแต่ละระบบ
ข้อ
ได้ได้อธิบายในข้อ 2 ไปบ้างแล้ว เมื่อเรารู้ระบบของเราแล้ว
ก็เหลืออีกสองอย่างที่เราต้องมี คือ Money Management กับ Mindset อันแรก
Money Management บางคนบอกว่าไม่จำเป็น
แต่ความจริงแล้วมันจำเป็นมากในการที่จะประสบผลสำเร็จในตลาด Forex
ผมแนะนำว่าเทรดแต่ละเทรดควรจะเสียได้ไม่เกิน 2% ของบัญชีนะครับ
การที่เราตั้งไว้น้อยแบบนี้มันก็ช่วยลดความกลัวของเราได้อีกทางหนึ่งนะครับ
ประมาณว่าถึงเสียก็เสียแค่ 2% ลองเสี่ยงดูก็ได้ ลองทำดูนะครับ เชื่อผม
อย่างที่สอง Mindset ก็คือระบความคิดของเรานั่นเอง
ระบบความคิดทั่วไปของเราทุกคนใช้ไม่ได้กับตลาดนะครับ
ระบบความคิดที่เทรดเดอร์ควรมีคือการมองในความเป็นได้
เคยสังเกตไหมครับว่าคนส่วนใหญ่จะบอกว่า
"ถ้าเราเดาทิศทางของตลาดหุ้นถูกเราก็รวย" ไม่ใช่
"ถ้าเราคำนวณทิศทางของตลาดหุ้นถูกเราก็รวย" เดากับคำนวณมันต่างกันนะครับ
ผมมีคำถาม 3 ข้อมาถามครับ ถ้าเราเจอจุดเข้าเทรดที่ดีมากจุดหนึ่ง
แต่ที่ผ่านมาเราเสียมาตลอด เราจะคิดยังไง
ถ้าเราเข้ามาเจอว่าตลาดกำลังพุ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เราจะคิดยังไง และถ้าเราจับเทรนใหญ่ในตลาดได้เทรนหนึ่ง
แต่แล้วเมื่อไปถึงแค่ครึ่งทางราคามันก็เริ่มวกกลับทางเดิม เราจะคิดยังไง
และสุดท้าย ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่ว่ามานี้ขึ้น เราจะทำอะไร
ฝากเก็บไปคิดนะครับ
4. ระบบบอกแค่ว่าสึ่งหนึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง
มัน
ไม่ได้บอกว่าอะไรจะเกิด และอะไรจะไม่เกิด
ถ้าพี่เคยคิดว่าเมื่อระบบบอกแบบนี้ มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ลง Lot หนัก
หรือเทหมดหน้าตักได้ ผมว่ามันเสี่ยงมากเกินไปนะ
ครับ เพราะในตลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้
5. ตลาดไม่เคยซ้ำกับในอดีต
ให้สนใจในปัจจุบันครับเป็นสำคัญครับ ตลาดมันแค่คล้ายกันกับในอดีต แต่มันไม่ซ้ำกับในอดีตแน่นอน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaibestforex.com/forex/t577/?/
ความจริงเกี่ยวกับการเล่นหุ้น
Posted by
goodintequila
on Thursday, September 18, 2014
Labels:
forex,
Mindset,
Money Management,
การเล่นหุ้น,
การวิเคราะห์กราฟ,
ทิศทาง