RSS

Mark Douglas ทัศนคติแห่งการเก็งกำไร

Mark Douglas เซียนหุ้นที่เป็นที่ยอมรับกันว่า เขามีความชำนาญ และแนวคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแง่มุมทางด้านจิตวิทยาการลงทุนเป็นอย่างสูง ในระดับต้นๆของโลก โดยเขาได้เคยเขียนหนังสือหุ้นไว้สองเล่มที่โด่งดังมาก และถือเป็น Must Read! เลยทีเดียวนั่นก็คือ The Discipline Trader และ Trading in The Zone


Douglas เริ่มต้นการเก็งกำไรในตลาด Future ในปี 1978 โดยขณะนั้น เขาทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง จนเมื่อมีโบรกเกอร์โทรมาชักชวนให้เขาลงทุน เขาจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเก็งกำไรในทองคำ และหลังจากนั้นมา เขาก็หลงใหลในการเก็งกำไรเป็นอย่างมาก เขาตัดสินใจลาออกจากงานผู้บริหาร และสมัครเข้าทำงานใน Merrill Lynch ด้วยการเป็นโบรกเกอร์แทน!!!!

ภาย ใน 9 เดือน Douglas ก็หมดตัว!!! เขาสูญเสียเงินสะสมทั้งหมดที่มีไปกับการเก็งกำไร แต่นั่นกลับกลายเป็นพลังให้เขาลุกขึ้นต่อสู้ และก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่เขาเลือก เพราะอย่างน้อยเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ เขาเรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วการเก็งกำไรนั้น มันคือการต่อสู้กับจิตใจของเราเอง โดยมุมมอง และทัศนคติของเขานั้น มีส่วนสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดในการเก็งกำไร และนั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิด คือสิ่งที่สำคัญมาก และนั่นทำให้หลังจากนั้น เขาเริ่มเขียนบันทึกประจำวันอย่างละเอียด

"ผม ได้เขียนถึงพฤติกรรมการเก็งกำไรของผม สภาวะจิตใจของผม และสภาวะจิตใจที่เกิดขึ้นกับของลูกค้าของผม โดยผมได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับรูปแบบพฤติกรรมที่ผมสังเกตเห็น ไม่เพียงแต่เฉพาะจากตัวของผม แต่รวมถึงทุกๆคนที่อยู่ในออฟฟิต และจากนักเก็งกำไรในห้องค้า (Floor Trader) ซึ่งผมรู้จักอีกด้วยครับ"

หลัง จากเขาเทรดมาได้ 3 ปี เขายังไม่สามารถที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จนทั้งครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาต่างคิดว่าเขาบ้าที่ตัดสินใจออกมาจากงานบริหารที่ทำอยู่ แทบจะไม่มีใครที่ยอมรับเขาเลย และเขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ยังซ่อนอยู่ในใจ แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหันหลังกลับ เขาใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะทำตามความฝัน ในที่สุดจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาก็มาถึง

"เมื่อ ผมคิดได้ว่าผมจะต้องทำได้!! (ซึ่งผมจำไม่ได้ว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน) และหลังจากที่ผมรู้สึกได้อย่างนั้น ความกลัวของผมก็หายไป ผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมมากกว่าที่เคยเป็น ผมรู้สึกว่าผมยังสามารถคิดได้ ผมยังสุขภาพดีอยู่ ผมมีพรสวรรค์ และเมื่อผมตระหนักถึงคุณค่าในตัวของผมได้ ความกลัวทุกอย่างก็หายไปในทันที ผมเห็นรูปแบบพฤติกรรมที่คอยปิดกั้นความสำเร็จของตัวผม และของนักเก็งกำไรคนอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะขัดขวางเราจากความสำเร็จ และมันทำให้ผมเห็นในสิ่งที่นักเก็งกำไรจำเป็นต้องทำเพื่อความสำเร็จของพวก เขา หลังจากนั้นในช่วงหน้าร้อนปี 1982 ผมจึงเริ่มต้นเขียนหนังสือ The Discipline Trader และก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนของผมขึ้นครับ"

Douglas อธิบายรูปแบบพฤติกรรมที่คอยขัดขวางนักเก็งกำไรจากความสำเร็จ ว่าความผิดพลาดต่างๆ เช่นการที่คุณมักจะเข้าซื้อเร็วเกินไป ก่อนที่ตลาดจะมีสัญญาณเกิดขึ้น หรือไม่ก็ช้าเกินไป หลังจากที่ตลาดเกิดสัญญาณขึ้นนานแล้ว หรือแม้กระทั่งการขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิม จากการที่คุณเลื่อนจุดตัดขาดทุนของคุณออกไป ความผิดพลาดนี้มันเกิดมาจากความกลัวหลักๆ 4 ชนิด ที่นักเก็งกำไรชั้นยอดนั้นจะคอยจัดการกับมันอยู่เสมอ

ความกลัว 4 ชนิด นั่นก็คือ ความ กลัวที่จะผิดพลาด ความกลัวที่จะขาดทุน ความกลัวที่จะพลาดโอกาสไป และสุดท้ายคือความกลัวที่จะปล่อยให้กำไรหลุดลอยไป ซึ่งเขาพบว่า ความกลัวทั้ง 4 ชนิดนี้คือตัวการหลักๆที่ทำให้เราทำในสิ่งที่ผิดในการเก็งกำไรมากกว่า 90% ซึ่งความกลัวดังกล่าวมันถูกบ่มเพาะมาจากวัฒนธรรมและสังคมของพวกเราเอง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครสักคนจะเติบโตมาโดยไม่เคยเรียนรู้ที่จะต้องกลัว บางสิ่ง

สำหรับนักเก็งกำไรนั้น พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจขาดทุนได้ตลอดเวลา แต่พวกเราไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน เพราะหากเรายอมรับมัน มันจะทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เราต้องสูญเสียบางสิ่งไป พวกเขาจึงพยายามหนีความจริง และจากการที่เราพยายามหนีมัน นั่นทำให้ทุกๆอย่างยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

Douglas แนะนำว่า คุณต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณ โดยการเปลี่ยนมุมมองและให้ความหมายกับคำว่าขาดทุนเสียใหม่ว่าการขาดทุนจริงๆ แล้วมันหมายความว่าอะไร สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงความเชื่อของคุณหลายๆอย่างที่เป็นตัวการทำให้คุณตีความ หรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดในทางลบหรือด้วยความรู้สึกเจ็บปวด คุณจะต้องสร้างความเชื่อและทัศนคติชุดใหม่ขึ้นมา ที่จะทำให้คุณสามารถตีความหรือแปลความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากตลาดได้ อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไร้ความกังวลต่างๆ รวมถึงความเชื่อชุดใหม่ที่จะทำให้คุณสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มความ สามารถของคุณ

สิ่งที่แยกนักเก็งกำไรหรือ นักลงทุนชั้นยอดออกจากคนทั่วๆไป นั่นคือนักเก็งกำรชั้นยอดนั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การลงทุนซื้อ-ขาย แต่ละครั้งนั้น ผลลัพธ์ของมันไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายครั้งที่ผ่านๆมาเลย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม มันก็เหมือนการโยนเหรียญหัวก้อย ผลของการโยนเหรียญครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับครั้งที่แล้วหรือครั้งไหนๆ

สิ่ง ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้ให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเริ่มต้นเข้ามาเก็งกำไรหรือลงทุนนั่นก็คือ พวกเขาไม่ได้คิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจมาก จริงๆแล้วตลาดนั้นไม่สามารถที่จะบังคับหรือไม่มีผลต่อคุณในการกำหนดมุมมอง การรับรู้ หรือแปลความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดของตัวคุณเองเลย แต่มันเกิดขึ้นมาจากกลไกทางจิตวิทยาในตัวคุณซึ่งจะคอยควบคุมการรับรู้และแปล ผลของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในตัวของคุณเอง และในฐานะที่คุณเป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อให้เกิดกำไรที่สม่ำเสมอขึ้นมาก็คือ การควบคุมกระบวนการในการรับรู้ และแปลความหมายของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ในทางที่คุณจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเหมาะสม และไร้ความวิตกกังวลนั่นเอง

ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ “ความกลัว” นั่นเอง เนื่อง จากจิตใจของเรานั้นถูกออกแบบมาให้หลีกเลี่ยงจากความเจ็บปวด จากกลไกทางจิตวิทยาที่อยู่ทั้งใต้จิตสำนึกของเราและจิตสำนักของเราเอง และนี่คือตัวการใหญ่ตัวหนึ่งที่พวกเรามักจะมองข้ามมันไป ผู้คนส่วน ใหญ่ไม่เข้าใจว่าความกลัวนั้น นอกจากจะทำให้จิตใจของเราอ่อนแอลงไป แต่มันทำให้มุมมองหรือวิสัยทัศน์ของเราย่ำแย่ลงไปด้วย ความกลัวนั้นจะทำให้มุมมองของเราแคบลงไปเพราะเรามัวแต่เพ่งอยู่กับสิ่งที่ เรากลัว ซึ่งจะมีผลต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เข้ามาในทุกๆช่วงขณะเวลานั่นเอง

ยิ่งในเรื่องของการเก็งกำไรหรือ การลงทุนแล้ว มันยิ่งเป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของเราเองขึ้นอีก เนื่องจากจริงๆแล้วตลาดนั้นไม่ได้สร้างข้อมูลที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมา ด้วยตัวของมันเองเลย สิ่งที่มันสร้างขึ้นมาคือข้อมูลดิบ ซึ่งสามารถทำให้เรารับรู้มันในแนวทางที่เจ็บปวดขึ้นมาหรือในแนวทางที่พึงพอ ใจขึ้นมาควบคู่กันไปอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณได้เข้าไปซื้อหุ้นไว้ แต่ภาพของตลาดโดยรวมนั้นกลับกลายเป็นขาลง และโชคร้ายเหลือเกินที่การเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งมันทำให้ผมตัดสินใจถือมัน ต่อไป เพราะช่วงที่ตลาดเด้งสวนขึ้นมานั้น จะทำให้เกิดความหวังขึ้นมานั่นเอง และจุดนี้เองที่ความกลัวของคุณจะเข้ามามีผลทำให้คุณจดจ่อความสนใจไปที่การ เด้งขึ้นมาของตลาดเพียงอย่างเดียว เนื่องจากคุณได้ให้ความสำคัญกับการเด้งขึ้นมาของตลาดมากกว่าอย่างอื่น และทำให้คุณจะพยายามทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อจะบอกกับตัวเองว่าคุณจะไม่เป็น อะไร คุณจะพยายามหาเบาะแสเพื่อให้คุณสบายใจว่ามันจะเด้งขึ้นมาอีก และถึงแม้ว่าตลาดยังจะเคลื่อนที่เป็นขาลงต่อไป คุณก็จะไม่อยากรับรู้มัน คุณจะพยายามมองและรับรู้ว่าการเด้งขึ้นมาในแต่ละครั้งของตลาดเป็นจุดกลับตัว ขึ้นของมัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณจะเริ่มยอมรับความจริงเมื่อราคามันตกไปจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว.....

ตลาด หุ้นมันไม่ใช่อะไรอื่น มันเป็นเพียงสิ่งสะท้อนอารมณ์ความโลภและความกลัวของนักลงทุน ซึ่งส่งผลต่อระดับราคา มันไม่มีเหตุผลและไม่ใช่ตรรกะ ในตลาดหุ้น 1+1 อาจไม่ได้เท่ากับ 2 ดังนั้น เลิกหาเหตุผลให้มัน แต่จงเข้าใจในสิ่งที่มันเป็น และเมื่อตลาดคือสิ่งที่สะท้อนอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ เมื่อคุณอยากเข้าใจมัน ชนะมัน และทำเงินจากมัน คุณก็ต้องเข้าใจอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ ซึ่งมันก็คือการเข้าใจจิตใจของตัวเอง ดังนั้นจงพัฒนาการรับรู้ บริหารจิตใจและอารมณ์ของตัวคุณให้ดี แล้วคุณจะพบว่าเคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้อยู่ที่ไหน มันอยู่แค่....ภายในใจของคุณเองนี่แหละ

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://www.thaibestforex.com/forex/mark-douglas/?/